อย่าให้เงินเก็บก้อนสุดท้ายต้องหมดไปเพราะความไม่รู้

เงินเก็บที่วัยเก๋าใช้หยาดเหงื่อแรงกายสร้างมาตลอดชีวิต คือ ความมั่นคงเดียวที่เหลืออยู่สำหรับวัยเกษียณ แต่น่าเศร้าที่กลุ่มมิจฉาชีพมองเห็น 'เงินก้อน' นี้เป็นเป้าหมายสำคัญที่สุด พวกมันจะใช้กลอุบายที่แยบยลเพื่อสร้างอารมณ์ความรู้สึก 3 อย่างขึ้นมาควบคุมเหยื่อ จนทำให้ขาดสติและตัดสินใจพลาดโอนเงินทั้งหมดให้พวกมันในพริบตา

บทความนี้จะทำหน้าที่เป็นคู่มือป้องกันภัยที่เข้าใจง่ายที่สุดสำหรับเหล่าวัยเก๋า และลูกหลานทุกคนที่ดูแลท่าน เพื่อให้พวกเรารู้ทันและสามารถป้องกันเงินเก็บของครอบครัวได้อย่างปลอดภัย

หลักการหลอกลวงของมิจฉาชีพ: 3 อารมณ์ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ

มิจฉาชีพจะใช้กลอุบายทั้งหมดสร้างอารมณ์ 3 อย่างนี้ในตัวเหยื่อ เพื่อทำให้ขาดสติและตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย:

1. หลอกให้กลัว (The Fear Tactic) มุ่งสร้างความตื่นตระหนก ความกังวล หรือความหวาดกลัวต่อกฎหมาย/ความปลอดภัย เพื่อให้เหยื่อทำตามคำสั่งโดยอัตโนมัติ

2. หลอกให้โลภ (The Greed Tactic) ใช้ความปรารถนาในการอยากได้ผลตอบแทนสูง การถูกรางวัล หรือความมั่งคั่งที่มาง่ายดาย มาเป็นเหยื่อล่อ

3. หลอกให้รัก/หลอกให้เห็นใจ (The Emotional Tactic) ใช้ความรู้สึกโดดเดี่ยว ความรัก หรือความผูกพันทางอารมณ์เป็นเครื่องมือบีบคั้น

5 กลโกงยอดฮิตที่พุ่งเป้ามาหลอกวัยเก๋า

1. กลโกงแก๊งคอลเซ็นเตอร์: อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

กลโกงนี้ใช้การข่มขู่ ทำให้เหยื่อเกิดความกลัวและรีบทำตามคำสั่ง มิจฉาชีพจะโทรมาและแอบอ้างเป็น...

  • ตำรวจ/DSI: แจ้งว่าบัญชีธนาคารของท่านพัวพันกับการฟอกเงินหรือคดียาเสพติด
  • ธนาคาร: แจ้งว่าบัญชีมีปัญหาและต้อง 'โอนเงินมาตรวจสอบ' เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์
  • สรรพากร: แจ้งว่าท่านโกงภาษี หรือต้องรีบทำรายการด่วนก่อนจะถูกจับ

สัญญาณเตือน: มิจฉาชีพจะ เร่งรัด ให้ท่านโอนเงินทันที ห้ามปรึกษาใคร และมักหลอกให้ ติดตั้งแอปฯ ควบคุมเครื่อง

กรณีศึกษาที่ 1: ความกลัวที่มาพร้อมกับความสูญเสีย

ผู้สูงอายุท่านหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาข่มขู่เรื่องคดีร้ายแรง ด้วยความตกใจและกลัวว่าจะติดคุก ท่านจึงทำตามคำสั่งโอนเงินไป "ตรวจสอบ" เกือบ 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินเก็บทั้งหมดในบัญชี เพียงเพราะความกังวลและความไม่รู้ทันต่อสถานการณ์กดดัน

2. กลโกงลงทุน/ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง

เนื่องจากผู้สูงอายุมีเงินก้อนเกษียณ และต้องการให้เงินก้อนนี้งอกเงย มิจฉาชีพจึงหลอกล่อด้วย...

  • ผลตอบแทนการันตี: อ้างว่าลงทุนแล้วจะได้กำไรสูงมาก ๆ ในเวลาอันสั้น (เช่น 10% ภายใน 1 สัปดาห์)
  • การลงทุนรูปแบบใหม่: ชวนลงทุนในเหรียญดิจิทัล/การซื้อขายทองคำ/เทรดหุ้นปลอม โดยให้ท่านเห็นตัวเลขกำไรในระบบปลอม

สัญญาณเตือน: การลงทุนที่ถูกกฎหมาย ไม่มีการการันตีผลตอบแทนสูง และ ไม่มีการเร่งรัด ให้ท่านตัดสินใจทันที

กรณีศึกษาที่ 2: ความโลภเพียงชั่ววูบ นำมาซึ่งหายนะ

ผู้สูงอายุวัย 70 ปีท่านหนึ่ง ถูกหลอกให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์มที่มิจฉาชีพสร้างขึ้น โดยหลอกว่ามีการันตีผลตอบแทนสูงมาก ท่านหลงเชื่อและทยอยโอนเงินลงทุนเข้าไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายสูญเสียเงินเก็บรวมกว่า 35 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินเก็บที่สะสมมาทั้งชีวิต

3. กลโกงหลอกให้รัก (Romance Scam)

มิจฉาชีพสร้างโปรไฟล์ที่ดูดีและน่าเชื่อถือ เข้ามาพูดคุยตีสนิทและสร้างความสัมพันธ์ที่ดูอบอุ่น มักพุ่งเป้าไปที่ผู้สูงอายุที่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือต้องการเพื่อนคุย เมื่อเหยื่อหลงรักและไว้ใจแล้ว ก็จะเริ่ม...

  • สร้างเรื่องราวโศกนาฏกรรม: เช่น เกิดอุบัติเหตุ/เจ็บป่วยกะทันหัน/ถูกจับกุมในต่างประเทศ
  • ขอความช่วยเหลือทางการเงิน: โดยสัญญาว่าจะรีบมาหาและคืนเงินให้เป็น 2 เท่า

สัญญาณเตือน: เขาหรือเธอไม่เคยยอม วิดีโอคอล หรือไม่ยอมมาเจอตัวจริง และเริ่มมีการขอเงินเพื่อแก้ปัญหาชีวิต

กรณีศึกษาที่ 3: หญิงวัย 63 ปี ถูกหลอกด้วยความเหงา

หญิงวัย 63 ปีท่านหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา ตกเป็นเหยื่อของแก๊งโรแมนซ์สแกม โดยมิจฉาชีพสร้างความสัมพันธ์ผ่านแช็ตไลน์จนเหยื่อหลงเชื่อและรู้สึกผูกพัน หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็สร้างเรื่องและขอให้โอนเงินช่วยเหลือ โดยเหยื่อทำการโอนเงินถึง 38 ครั้ง ยอดรวมความเสียหายเกือบ 3 ล้านบาท เนื่องจากความเหงาและความหวังที่จะได้เริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่

4. กลโกงปลอมเป็นญาติหรือลูกหลาน

กลโกงนี้ใช้ ความรักและความกังวล ในฐานะผู้ปกครอง มิจฉาชีพโทรมาโดยใช้คำพูดที่ฟังดูเหมือน "ลูก" หรือ "หลาน" แล้วแจ้งข่าวร้าย เช่น...

  • ลูกประสบอุบัติเหตุ/ป่วย: ต้องรีบโอนเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลด่วน
  • ลูกถูกจับ/มีปัญหา: ขอให้โอนเงินมาให้ทันที โดยใช้คำพูดที่เร่งด่วนและห้ามโทรกลับเบอร์เดิม

สัญญาณเตือน: หากมีการขอเงินด่วนและห้ามโทรเช็กกับเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ประจำ ให้หยุดทันที และติดต่อลูกหลานท่านด้วยเบอร์ปกติ

กรณีศึกษาที่ 4: มิจฉาชีพปลอมเสียงลูกยืมเงิน

มีรายงานกรณีที่มิจฉาชีพใช้เทคนิคปลอมเสียง เป็นลูกหลานโทรมาหาผู้สูงอายุ โดยอ้างว่ากำลังประสบอุบัติเหตุและต้องโอนเงินด่วนเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล ผู้สูงอายุหลายรายตกหลุมพรางนี้ เนื่องจากความรักและกังวลว่าลูกหลานจะลำบาก จึงทำการโอนเงินให้มิจฉาชีพทันทีโดยไม่ได้ตรวจสอบ

5. กลโกงรางวัลและโชคลาภ 

มิจฉาชีพส่งข้อความ/โทรศัพท์มาแจ้งว่าท่าน ถูกรางวัลใหญ่ ซึ่งรางวัลนี้ไม่ได้รับมาฟรี ๆ แต่...

  • ต้องเสียค่าธรรมเนียม: ต้องโอนเงินค่าธรรมเนียม/ค่าภาษี/ค่าดำเนินการ เพื่อรับรางวัลนั้น
  • ต้องซื้อสินค้าเพื่อรับสิทธิ์: หลอกให้ซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในราคาแพง เพื่อรับสิทธิ์พิเศษ

สัญญาณเตือน: ท่านไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ เลย แต่จู่ ๆ ก็ได้รับรางวัลหรือเงินก้อนโต

กรณีศึกษาที่ 5: ถูกรางวัลใหญ่...แต่ต้องจ่าย "ค่าธรรมเนียม"

ผู้สูงอายุท่านหนึ่งได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่า "ได้รับรางวัลใหญ่" มูลค่าหลายแสนบาท ทั้งที่เป็นกิจกรรมที่ตนเองไม่ได้เข้าร่วม มิจฉาชีพสร้างความน่าเชื่อถือโดยบอกรายละเอียดขั้นตอนการรับรางวัลอย่างชัดเจน แต่มีเงื่อนไขเดียว คือ ต้องโอนเงิน "ค่าภาษี" และ "ค่าธรรมเนียมการดำเนินการ" จำนวน 50,000 บาท เข้ามาก่อนจึงจะสามารถรับเงินรางวัลได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงรีบโอนเงินค่าธรรมเนียมไปทันที แต่หลังจากโอนแล้ว มิจฉาชีพก็ตัดการติดต่อไป และเงินรางวัลก็ไม่เคยถูกส่งมา

3 ขั้นตอนป้องกันง่าย ๆ ที่วัยเก๋าทำได้ทันที

หลักการสิ่งที่ต้องทำทันทีสิ่งที่ต้องท่องจำไว้เสมอ
1. ไม่เชื่อวางสายทันที เมื่อสายเรียกเข้าอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและเริ่มพูดถึงคดีหรือเงินหน่วยงานรัฐ "ตัวจริง" จะไม่มีการโทรมาข่มขู่ หรือสั่งให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชี
2. ไม่ให้ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขบัตรประชาชน, เลขบัญชี, รหัส OTP หรือรหัสลับใด ๆ ผ่านโทรศัพท์หรือข้อความหากใครขอรหัสลับ แปลว่าคนนั้นคือมิจฉาชีพ 100%
3. ตรวจสอบโทรหาลูกหลาน หรือ ติดต่อหน่วยงานโดยตรงด้วยเบอร์ที่ท่านหาเอง ทันทีที่มีการร้องขอเงินหรือข้อมูลสำคัญก่อนจะโอนเงินทุกครั้ง ต้องปรึกษาคนที่ท่านไว้ใจที่สุดก่อนเสมอ

คำแนะนำถึงลูกหลาน: ความรักและความเข้าใจคือเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด หากพบปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือจากภัยออนไลน์ ติดต่อ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) ที่เบอร์ 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มาของข้อมูล: บทความนี้รวบรวมข้อมูลและรูปแบบการหลอกลวงจากรายงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC 1441), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)