ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
20-08-2568
สิ่งที่กำลังคุกคามชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยเงียบ ๆ ในทุก ๆ วัน อาจไม่ใช่สงครามหรือภัยธรรมชาติใดๆ แต่กลับเป็นสิ่งที่เรียกว่า “หนี้ครัวเรือน” โดยข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ประเทศไทยมีระดับหนี้ครัวเรือนสูงถึง กว่า 90% ของ GDP และแนวโน้มก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังวิกฤต COVID-19 ที่ซัดกระหน่ำทั้งรายได้และรายจ่ายของครอบครัวไทยทั่วประเทศ
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งไปกว่าสัดส่วนตัวเลขที่น่าตกใจ คือ หนี้ส่วนใหญ่เหล่านี้ไม่ใช่หนี้เพื่อการลงทุน ไม่ใช่เพื่อซื้อบ้านหรือการศึกษา แต่กลับเป็น “หนี้เพื่อการบริโภค” ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรม “ซื้อก่อน คิดทีหลัง” ของคนจำนวนมาก
แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?
คำตอบคือ เริ่มจากตัวเอง เริ่มจากวันนี้
หนี้มากหนี้น้อย…ก็ต้องจัดการ
“หนี้ไม่ใช่เรื่องผิด” เป็นประโยคที่เราน่าจะเคยได้ยินกันบ่อย แต่ “หนี้ที่ไม่มีแผนจัดการ” ต่างหาก ที่ทำให้ชีวิตติดกับดัก หลายคนผ่อนของด้วยความคิดว่า “ยังไงก็ผ่อนไหว” แต่ไม่เคยถามตัวเองว่า…
จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลง คือการ “ยอมรับความจริง” และ “กล้าหันกลับมาสำรวจตัวเอง” ไม่ว่าคุณจะเป็นหนี้มากหรือน้อย หรือไม่เคยสนใจการเงินในอดีต วันนี้คือวันที่คุณจะเริ่มต้นใหม่ เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับตัวเอง
ขั้นตอนที่ 1: สำรวจหนี้ทั้งหมดอย่างละเอียด
หยิบปากกา กระดาษ หรือเปิดไฟล์ Excel ขึ้นมา จดรายการหนี้ทุกก้อนที่คุณมีแบบไม่ปิดบังตัวเอง:
เมื่อตารางหนี้ชัดเจน จะทำให้มองเห็นภาพรวม และสามารถวางแผนได้ว่า “ควรจัดการก้อนไหนก่อน” ซึ่งโดยทั่วไปเรามักจะแนะนำให้จัดการ “หนี้ดอกเบี้ยสูง” เป็นอันดับแรก เพราะมันคือหนี้ที่กัดกินรายได้ทุกเดือนโดยแทบไม่รู้ตัว
ขั้นตอนที่ 2: เปลี่ยน Mindset เปลี่ยนชีวิต
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการปลดหนี้ไม่ใช่แค่แผนการเงิน แต่คือ Mindset ที่ถูกต้อง “อดีตช่างมัน ปัจจุบันสำคัญที่สุด” แม้ในอดีตคุณจะไม่เคยจดรายจ่าย ไม่เคยเก็บเงิน ไม่เคยสนใจเรื่องดอกเบี้ย แต่วันนี้ คุณสามารถเลือกที่จะ “เปลี่ยน” ได้ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้อยู่ที่เงินในบัญชี แต่อยู่ที่ “ความตั้งใจ”
ขั้นตอนที่ 3: ใช้พลัง 3 ด้านจัดการหนี้อย่างชาญฉลาด
1. ลดรายจ่าย
เริ่มจากจด รายรับ-รายจ่าย เป็นประจำทุกวัน เพื่อค้นหาว่าเงิน “รั่วไหล” ตรงไหน ซึ่งอาจพบว่า… ค่าอาหารนอกบ้านสูงเกินความจำเป็น ซื้อของออนไลน์มากกว่าที่คิด หรือค่าสมัครสมาชิกบางอย่างไม่ได้ใช้ แต่ยังถูกหักเงินทุกเดือน
การที่เรารู้ว่าต้องเสียเงินไปกับอะไร จะทำให้เรา “ตัด” ได้อย่างมั่นใจ
2. เพิ่มรายได้
อย่ารอเพียงเงินเดือนประจำ มองหาช่องทางสร้างรายได้เสริมจากสิ่งที่เราถนัด เช่น ขายของออนไลน์ รับงานฟรีแลนซ์ปล่อยเช่าทรัพย์สิน
แม้จะเป็นรายได้เล็กน้อย แต่ถ้าใช้ไปโปะหนี้ทุกเดือนก็ช่วยให้หนี้หมดเร็วขึ้นมหาศาล
3. ขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็น
ลองมองไปรอบตัว มีของอะไรที่ไม่ได้ใช้ แต่ยังมีมูลค่าอยู่บ้างไหม? เช่น กระเป๋าแบรนด์เนม เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ โทรศัพท์เก่า
เปลี่ยนของเหล่านี้ให้เป็น “เงินสด” เพื่อลดหนี้ แล้วชีวิตจะเบาลงทันที
ขั้นตอนที่ 4: เจรจากับเจ้าหนี้ เมื่อไม่ไหวแล้วจริง ๆ
หากลองทำครบทั้ง 3 วิธีข้างต้นแล้ว ยังไม่สามารถรับมือกับภาระหนี้ได้ อย่ารอให้สายเกินไป จงติดต่อเจ้าหนี้เพื่อ “ขอปรับโครงสร้างหนี้” ตั้งแต่วันนี้ การเจรจาอาจทำให้ได้รับเงื่อนไขใหม่ที่ผ่อนสบายขึ้น เช่น:
สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้มีเวลาตั้งหลักมากขึ้น และกลับมาควบคุมชีวิตตัวเองได้อีกครั้ง
วางเป้าหมายให้ชัด: ฉันจะเป็นคนไม่มีหนี้ภายใน 3 ปี
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปได้ คืออีกหนึ่งเครื่องมือทรงพลัง
ตัวอย่างเช่น:
เมื่อเป้าหมายชัด แรงผลักดันจะตามมา และคุณจะรู้ว่าทุกบาทที่คุณเก็บ ทุกการใช้จ่ายที่คุณตัดออก มันกำลังพาคุณเข้าใกล้ “อิสรภาพทางการเงิน” ทีละก้าว การปลดหนี้ไม่ใช่เรื่องโชค แต่คือการลงมือทำอย่างมีวินัย หนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่การเพิกเฉยต่อหนี้ต่างหาก ที่ทำให้ต้องแบกรับภาระอย่างไม่มีวันจบ
คุณมีสิทธิ์ที่จะเป็น “คนมีหนี้” แต่คุณก็มีสิทธิ์ที่จะเป็น “คนไร้หนี้” เช่นกัน ถ้าคุณพร้อมที่จะเริ่มต้นในวันนี้
“ชีวิตที่ไม่มีหนี้ คือชีวิตที่เบากว่า อิสระกว่า และมั่นคงกว่า”
และทั้งหมดนี้…
เริ่มได้ทันทีจากคุณเอง — คนเดิม แต่มีเป้าหมายใหม่
เนื้อหาโดย อาจารย์รัก ดร.อัจฉรา โยมสินธุ์