ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
20-08-2568
การมีรถยนต์ส่วนตัว อาจเป็นหนึ่งในเป้าหมายของหลายคน ไม่ว่าจะเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ความอิสระในการใช้ชีวิต หรือแม้กระทั่งเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าในชีวิต แต่ในยุคที่อะไร ๆ ก็ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ การ “ซื้อรถ” ก็ไม่ต่างจากการตัดสินใจทางการเงินครั้งใหญ่ เพราะนอกจาก “ราคารถ” แล้ว ยังมีต้นทุนแฝงอีกมากมายที่หลายคนมองข้าม และถ้าไม่วางแผนให้ดี รถที่ควรเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนชีวิต อาจกลายเป็น “ภาระ” ที่ถ่วงคุณไปอีกหลายปี
ก่อนจะซื้อรถคุณควรถามตัวเองว่าอะไรบ้าง? และจะวางแผนอย่างไรให้ขับรถได้แบบ สุขภาพการเงินไม่เสีย
คำถามแรก: ซื้อรถเพราะ “ต้องใช้” หรือ “อยากมี”
คำถามง่าย ๆ ที่ตอบยากที่สุด เพราะเราอยู่ในสังคมที่รถยนต์ถูกผูกกับภาพลักษณ์และสถานะ และนั่นคือกับดักที่อาจทำให้หลายคนรีบซื้อรถก่อนประเมินความพร้อม ลองตั้งคำถามกับตัวเอง:
การเริ่มจาก “ความจำเป็น” ไม่ใช่ “แรงผลักจากสังคม” คือจุดเริ่มต้นของการวางแผนทางการเงินที่ดี
ค่าใช้จ่ายแฝงที่มากกว่าราคาผ่อน
หลายคนคิดว่าผ่อนไหวก็พอ แต่ในความเป็นจริง ค่าใช้จ่ายในการมีรถไม่ได้จบแค่ค่างวดรายเดือน ลองดูภาพรวมค่าใช้จ่ายรายปีของรถ 1 คัน นอกจากค่างวด หากผ่อนเดือนละ 10,000 บาท จะเท่ากับปีละ 120,000 บาท ค่าประกันภัย 15,000 – 25,000 บาท ค่าซ่อมบำรุง 5,000 – 10,000 บาท ค่าภาษี พรบ. 2,000 – 5,000 บาท รวมถึงค่าน้ำมันหรือค่าไฟฟ้าอีกด้วยรวมแล้ว ปีหนึ่งคุณอาจต้องมี งบรถยนต์อย่างน้อย 180,000 – 200,000 บาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 15,000 – 17,000 บาท ซึ่งเหล่านี้เป็นเพียงตัวเลขที่อาจเป็นไปได้ของรถยนต์ขนาดเล็กหนึ่งคัน ค่าใช้จ่ายจริง อาจมากหรือน้อยกว่านี้ และยังไม่รวม “ค่าเสียโอกาส” หากคุณกู้เงินมาซื้อรถแต่ไม่ได้วางแผนใช้ให้คุ้มค่า
ก่อนจะออกรถ ต้องประเมิน 3 ความพร้อม
1. พร้อมผ่อน (Financial Readiness)
อย่าคิดแค่ “ผ่อนไหว” แต่ให้คิดว่า “ผ่อนแล้วชีวิตยังมีเงินออมไหวไหม?”
หลักการง่าย ๆ:
2. พร้อมใช้ (Functional Readiness)
รถที่คุณจะซื้อ เหมาะกับการใช้งานจริงของคุณหรือไม่? ลองพิจารณาว่า ถ้าใช้แค่ในเมือง รถเล็กประหยัดน้ำมันอาจเพียงพอ ถ้าต้องเดินทางบ่อย มีครอบครัว รถที่ใหญ่และปลอดภัยสำคัญกว่า รถไฟฟ้าอาจช่วยลดค่าน้ำมัน แต่ต้องเช็กโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ที่ชาร์จในพื้นที่ด้วย
อย่าซื้อจากสิ่งที่ “อยากได้” ให้ซื้อจากสิ่งที่ “ตอบโจทย์ชีวิต”
3. พร้อมเปลี่ยนแผน (Flexibility Readiness)
แม้วางแผนมาดีแค่ไหน ชีวิตก็เปลี่ยนได้เสมอ ตกงาน เจ็บป่วย รายได้ลด หรือมีเหตุฉุกเฉิน หากคุณมีหนี้ผ่อนรถค้างอยู่หลายปี จะรับมือยังไง? การเลือกสินเชื่อที่ให้คุณมีทางเลือกปรับแผนภายหลัง เช่น การรีไฟแนนซ์ หรือ สินเชื่อที่ใช้รถแลกเงินแต่ยังมีรถขับได้ ก็อาจเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ชีวิต โดยไม่ต้องรีบตัดสินใจตั้งแต่วันแรก
การมีรถไม่ใช่เรื่องผิด แต่การมีรถโดยไม่มีแผน คือจุดเริ่มต้นของภาระระยะยาว
ขอให้คุณได้รถที่ใช่…ในเวลาที่เหมาะ…ด้วยแผนการเงินที่พร้อม
และขับเคลื่อนชีวิตอย่างมั่นคงไปได้ไกลกว่ารถคันไหน ๆ