ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
เวียดนาม “เสือเศรษฐกิจตัวใหม่แห่งเอเชีย” ตั้งเป้าขึ้นแท่นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของอาเซียนในปี 2028 พร้อมก้าวสู่การเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจ
09-06-2568
เวียดนามกำลังเดินหน้าสู่การเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของอาเซียนภายในปี 2028 และตั้งเป้าหมายเข้าสู่ 20 อันดับประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกภายในปี 2036 ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งและการวางแผนระยะยาวที่มีประสิทธิภาพ แซงหน้าเศรษฐกิจพัฒนาแล้วอย่างโปแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม และออสเตรเลีย ตามการวิเคราะห์ล่าสุดจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (Centre for Economics and Business Research: CEBR) ท่ามกลางความท้าทายและปัจจัยขับเคลื่อนหลายๆ ด้าน
ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามเฉลี่ยปีละ 6.5% มาจากแรงขับเคลื่อนหลักในภาคการผลิต ซึ่งมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก ผ่านข้อตกลงการค้าเสรีและการขยายตัวของตลาดส่งออก การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเทคโนโลยีล้วนเป็นปัจจัยช่วยให้เวียดนามมีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น
ความท้าทายและอุปสรรค
แม้เศรษฐกิจเวียดนามจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยไตรมาส 1 ปี 2025 GDP ของเวียดนามนั้นโตสุดในบรรดาประเทศในอาเซียนคือ 6.9 % แต่ทั้งนี้เวียดนามยังคงมีอุปสรรคที่ต้องเผชิญหลายด้าน เช่น ความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าโลกที่อาจส่งผลให้ GDP ชะลอตัวลงเหลือ 5.8% ในปี 2025 การพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศสูง โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกหลัก (30%) และจีนเป็นแหล่งนำเข้าสินค้ารายใหญ่ที่สุด (38%) ทำให้เวียดนามต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางการค้าโลกในทุกขณะเพื่อก้าวสู่การเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจในอาเซียนอีกด้วย
การเร่งลงทุนจากภาครัฐรวมทั้งการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ
กุญแจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจเวียดนามอย่างยั่งยืน คือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ ซึ่งครอบคลุม เทคโนโลยีสารสนเทศ การคมนาคม พลังงาน และสิ่งแวดล้อม นโยบายเหล่านี้จะช่วยผลักดันประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
การพัฒนาเพื่อความสามารถในการแข่งขัน
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ยังสร้างรากฐานสำคัญสำหรับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก เวียดนามต้องมุ่งพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ ผ่านการลงทุนใน ระบบการศึกษา งานวิจัย และนวัตกรรม รวมถึงปรับปรุง สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ให้เอื้อต่อภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติ
ความท้าทายของภาครัฐ
แม้ว่านโยบายการลงทุนจะมีบทบาทสำคัญ แต่เวียดนามยังคงเผชิญกับอุปสรรคด้าน การเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า และขั้นตอนการทำงานของหน่วยงานราชการที่ยังมีความซับซ้อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเทศจะสามารถเร่งพัฒนาได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
อนาคตเศรษฐกิจเวียดนาม
แม้จะมีความท้าทาย แต่รายงานของ World Bank ยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย GDP คาดว่าจะฟื้นตัวสู่ระดับ 6.1% ในปี 2026 และ 6.4% ในปี 2027 การลงทุนจากต่างประเทศและการพัฒนาอุตสาหกรรมจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับประเทศ
หากเวียดนามสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตทางเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่องเหมือนที่ผ่านมา เวียดนามมีโอกาสอย่างมากที่จะกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจเศรษฐกิจที่มีความสำคัญในภูมิภาคเอเชีย ด้วยแนวโน้มการขยายตัวที่มั่นคงและโอกาสการลงทุนที่เปิดกว้าง ซึ่งจะช่วยผลักดันประเทศให้ก้าวสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง
ลูกค้าที่สนใจประกอบธุรกิจใน CLMV หรือประเทศเขตอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Great Mekong Subregion: GMS) ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ธนาคารไทยพาณิชย์มีสาขาต่างประเทศที่พร้อมจะดูแลและให้บริการ สนใจติดต่อ https://www.scb.co.th/en/corporate-banking/international-network.html
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก: ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโฮจิมินท์ซิตี้ เวียดนาม https://www.scb.co.th/vn/corporate-banking.html
ข้อมูลอ้างอิง