ปัจจุบันการทำแบรนด์จิวเวลรี่ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมของผู้ประกอบการรุ่นใหม่หลายคน RAVIPA คือหนึ่งในชื่อที่โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางคลื่นธุรกิจมากมาย ไม่ใช่เพราะดีไซน์หรูหราอลังการ หรือแคมเปญการตลาดที่หวือหวา แต่เพราะความเรียบง่าย ความหมายลึกซึ้ง รวมถึงพลังงานดี ๆ ที่แผ่ผ่านชิ้นงานทุกชิ้นไปถึงมือผู้รับและผู้สวมใส่ ซึ่งทั้งหมดนี้ เริ่มต้นจากนิสิตชั้นปีที่ 3 ที่ยังเรียนไม่จบกับพี่สาวที่เป็นดีไซเนอร์เครื่องประดับ ด้วยทุนตั้งต้นเพียงหนึ่งหมื่นบาท ในยุคที่ช่องทางการค้าขายออนไลน์ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าทุกวันนี้ ไม่มีคอนเน็กชัน ไม่มีประสบการณ์ มีแค่ความเชื่อ ความชอบ และหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ 
 
นี่คือเรื่องราวของ “คุณสา” – ธนิสา วิระศักดิ์ศรี ผู้ก่อตั้งแบรนด์ RAVIPA แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติไทยที่ปัจจุบันได้ร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Disney, Labubu (The Monster), Butterbear และ Casetify  

ตอนนั้นสายังเรียนไม่จบเลย แต่สาอยากลองทำ รู้ว่าตัวเองมี passion กับการขายของ

ความท้าทายในการเริ่มต้นธุรกิจคือความไม่รู้ แต่คุณสามองว่าความไม่รู้นั้นทำให้เราไม่กลัว กล้าตัดสินใจ และรู้จักการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง ซึ่งถือเป็นทัศนคติที่ดีในการทำงาน ขณะที่ต้นทุนเริ่มต้นที่มีจำกัดเพียง 10,000 บาท ทำให้คุณสาต้องวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ และทำทุกอย่างด้วยตัวเองกับพี่สาวเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นนางแบบเอง ถ่ายรูปเอง รีทัชเอง แล้วลงขายของในช่องทางออนไลน์ รวมถึงการไปออกบูทตามงานแฟร์และอิเวนต์ต่างๆ โดยเน้นการขายแบบ pre-order ในช่วงแรก

สาเริ่มทำ เครื่องประดับจาก Pain Point ของตัวเอง

คุณสาเริ่มต้นทำเครื่องประดับชิ้นแรกด้วยคำถามว่า ทำไมต้องรอวันหมั้นวันแต่งงานถึงจะได้ใส่แหวนคู่กับแฟน จึงออกแบบ Couple Rings แหวนคู่ที่ใส่ได้เลย ไม่ต้องรอวันพิเศษ ในขณะที่สร้อยสายมูก็เกิดจากความรู้สึกส่วนตัวของคุณสาที่ต้องการใส่เครื่องประดับเพื่อให้กำลังใจตนเอง แต่ในท้องตลาดช่วงนั้นมักจะมีแต่เครื่องรางปลุกเสก จึงคิดออกแบบเครื่องประดับมงคลที่ดูมินิมอล สวยเรียบ ใส่ได้ทุกวัน และช่วยเสริมบุคลิกได้ด้วย ซึ่งเครื่องประดับสไตล์นี้ทำให้แบรนด์ RAVIPA เป็นที่รู้จักมากขึ้น และกลายเป็นสินค้ายอดนิยมจนถึงปัจจุบัน เข้ากับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยความหมายและพลังบวกที่ซ่อนอยู่ เช่น infinity หมายถึงความรักที่ไม่สิ้นสุด หรือสร้อยสายมูที่หมายถึงการส่งพลังแห่งความโชคดี เป็นเครื่องประดับที่ meaningful ในตัวเอง และที่สำคัญคือใส่ได้ทุกเพศวัย ทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่นักเรียน นักธุรกิจไปจนถึงนักกีฬา โดยที่แบรนด์ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างให้ใครเลย ทุกคนใส่เพราะชอบจริงๆ หรือบุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลกหลายท่าน ก็มีแฟนคลับนำไปให้เขาเป็นของขวัญ ซึ่งถือเป็นเกียรติและเป็นความโชคดีอย่างมากที่เขาใส่แบรนด์ RAVIPA และถ่ายรูปลงสื่อ 

เบื้องหลังทุกดีไซน์ของ RAVIPA คือความตั้งใจจริง

ไม่ใช่แค่ดีไซน์สวย แต่ต้อง “พูดแทนใจ” ได้โดยไม่ต้องพูด ทุกอย่างเกิดจากความตั้งใจและใส่ใจในการออกแบบทุกจุดอย่างละเอียด ตั้งแต่กล่อง แพ็กเกจ โทนสี ข้อความ ไปจนถึงบทสวดข้างในกล่อง ทุกอย่างสะท้อนความรู้สึกของคนให้ และคนรับเป็นอย่างดี คุณสาเล่าว่า “มีลูกค้าหลายคนที่พูดไม่เก่ง แต่เลือกให้ของจากเรา เพราะมันพูดแทนเขาได้” ดังนั้นทุกกล่องต้องพิเศษ เพราะเชื่อว่าทุกครั้งที่เปิดกล่องคือ “โมเมนต์สำคัญ” ทุกคนที่ได้รับต้องรู้สึกได้ถึงความตั้งใจจริง

ลูกค้าเป็นครูที่ดีที่สุดของเรา

คุณสาเรียนรู้จากลูกค้าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับลูกค้าเวลาไปออกบูทงานอิเวนต์ต่างๆ  รวมถึงเก็บรวบรวมความคิดเห็นจากลูกค้าในทุกช่องทางการขาย เพื่อพัฒนาต่อยอดสินค้าเรื่อยๆ เช่น ลูกค้าอยากได้ต่างหู ก็ทำต่างหู อยากได้สร้อยคอก็เพิ่มเข้าไป เครื่องประดับหลายชิ้นที่ออกมาก็เกิดจากการฟังเสียงของลูกค้า 

วันที่เหลือเงินอีกแค่ 2 เดือน และเข้าใจคำว่าทุบหม้อข้าวเป็นอย่างไร

ช่วงโควิดคือวิกฤตใหญ่ที่สุดของ RAVIPA จากที่ก่อนหน้านี้มีการขยายสาขาไปหลายแห่ง ปรากฏว่ามีการล็อกดาวน์ ห้างปิด ร้านปิด ไม่มีการจัดอิเวนต์ใดๆในช่วงนั้น ยอดขายจึงหยุดนิ่ง ถึงแม้เราจะมีการขายออนไลน์จากการเริ่มต้นธุรกิจด้วยช่องทางโซเชียลมีเดียอยู่ก็ตาม แต่ค่าใช้จ่ายก็เดินตลอดทั้งค่าเช่า ค่าจ้างต่างๆ ทำให้เหลือเงินหมุนเวียนในธุรกิจได้อีกเพียง 2 เดือนเท่านั้น หลายธุรกิจปิดตัวลงไป คุณสาเองก็คิดถึงทางเลือกนี้เพราะสามารถไปทำอย่างอื่นต่อได้  แต่จะกระทบชีวิตลูกน้องและพนักงานคนอื่นๆในช่วงเวลายากลำบาก จึงตัดสินใจกัดฟันสู้ต่อ ซึ่งต้องขอบคุณลูกค้าคนหนึ่งที่ทำให้ RAVIPA กลับมาได้ จากการที่เขาทักมาหาคุณสา เพื่อบอกว่าได้ใส่เครื่องประดับของ RAVIPA ชิ้นหนึ่งแล้วรู้สึกดีมาก อยากให้เพื่อนที่กำลังมีปัญหาชีวิตได้ลองใส่ดูบ้าง  คุณสาจึงตัดสินใจรีสต๊อกคอลเล็กชันนั้นใหม่ และได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ของแบรนด์อีกครั้ง ช่วงนั้นคุณสามีโอกาสได้คุยกับลูกค้า หลายคนเล่าว่าสร้อยของ RAVIPA เป็นกำลังใจให้เขาผ่านช่วงเวลาแย่ๆไปได้ หรือบางคนซื้อไปเป็นของขวัญให้เพื่อนที่กำลังหมดหวังท้อแท้ แล้วเพื่อนรู้สึกดีขึ้น ลุกขึ้นมาได้ใหม่ สิ่งเหล่านี้เป็นพลังส่งกลับมาให้คุณสา ซึ่งมีความคิดว่าหากในชีวิตนี้ เราได้ทำสิ่งที่ดี มีคุณค่ามีความหมายต่อผู้อื่นนั้น ถือเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มาก 

“เราเป็นแบรนด์ไทยที่ได้ co-brand กับ Disney เกินฝันมากค่ะ”

RAVIPA ได้รับการติดต่อโดยตรงจาก Disney และผ่านกระบวนการอีกหลายขั้นตอนกว่าที่จะออกมาเป็นคอลเล็กชันเต็มในรูปแบบของการ co-brand ที่มีโลโก้อยู่คู่กัน หลังจากนั้นทาง RAVIPA ก็มีโอกาสใน collab กับแบรนด์ชื่อดังอื่น>อีก ไม่ว่าจะเป็น Labubu (The Monster) ซึ่งต่อยอดจากการได้พบทีมงาน The Monster ที่งาน Toy Expo ออกมาเป็นไอเดียในการทำตัวการ์ตูน Monster ให้น่ารักและดูซอฟต์ลง รวมทั้งการ collab ล่าสุดกับ Butterbear และนอกจากนี้ยังได้ร่วมงานกับ CASETIFY ในการออกแบบเคสโทรศัพท์มืออีกด้วย  ซึ่งการได้ทำงานกับแบรนด์ระดับโลก ถือเป็นความภาคภูมิใจของคุณสาและทีมงานเป็นอย่างมาก รวมทั้งเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาตนเองและได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ หลายอย่าง 

คำแนะนำถึงผู้ประกอบการผ่านการทำแบรนด์ RAVIPA

• เริ่มต้นจากความเข้าใจและเชื่อในสิ่งที่ทำอย่างลึกซึ้ง มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ใช่แค่ตามเทรนด์หรือกระแส เพราะจะทำให้เราหลงทาง เราต้องยึดมั่นในจุดยืนของแบรนด์ ต่อให้มีอุปสรรค มีคู่แข่งหรือการลอกเลียนแบบ แต่เราจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ลูกค้าจะจดจำเราในฐานะแบรนด์ที่มีจุดยืนและเป็นตัวของตัวเอง 
• สร้างแบรนด์จาก “ความหมาย” ไม่ใช่เพียงสินค้า RAVIPA ไม่ได้ขายแค่เครื่องประดับ แต่ขายความรัก ความหวัง และพลังบวกที่ส่งผ่านเครื่องประดับ ซึ่งต้องมีการสื่อสารคุณค่าของแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ ทุกจุดสัมผัสของแบรนด์ ตั้งแต่แพ็กเกจ คำพูด รูปภาพ ไปจนถึงทีมงานทุกคน สินค้าหรือของขวัญที่ดี ต้องสื่อความรู้สึกแทนคำพูดได้ และนั่นคือหัวใจของแบรนด์ที่ลูกค้ารับรู้ 
• ฟังเสียงลูกค้าเสมอ หาโอกาสพูดคุยกับลูกค้าให้ได้มากที่สุดในทุกช่องทาง เก็บ feedback เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ หลายไอเดียของ RAVIPA ก็ได้มาจาก pain point และความต้องการตลอดจนคำแนะนำของลูกค้า 

คุณสากล่าวทิ้งทายถึงการทำธุรกิจว่า “ทุกวันนี้ใครก็เริ่มต้นทำธุรกิจได้ แต่ต้องชัดเจนในสิ่งที่ทำจริงๆ จึงจะไปต่อและยืนระยะได้ หากไม่อินหรือไม่เข้าใจมันจริงๆ จะไม่มีทางรอดเลย และมันจะน่าเสียดายมาก หากวันพรุ่งนี้คือวันที่ดีที่สุดของคุณ แต่คุณดันยอมแพ้ไปก่อนวันนี้”

****************************

สินเชื่อ #UPเงินทันใจ สินเชื่อวงเงินเพื่อธุรกิจโตทันใจ เพิ่มเติมhttps://link.scb/3HSfouj

กดสมัครเลย ที่แอป SCB EASY (เฉพาะบนมือถือเท่านั้น)https://link.scb/41GP6lW

#กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

*อัตราดอกเบี้ย MRR+6.925% - MRR+18.925% ต่อปี (MRR ตามประกาศ ณ วันที่ 3 มี.ค. 68 = 7.075% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามประกาศบนเว็บไซต์ของธนาคาร) *เงื่อนไขการอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด