กองทุน Thai ESG หนุนการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน

ในปัจจุบัน การให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและการลงทุนของหลายๆ องค์กรไปแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามกระแสการตอบโจทย์ความท้าทายที่โลกเรากำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการทุจริตคอร์รัปชัน เพื่อนำพาธุรกิจและผลตอบแทนจากการลงทุนไปสู่ความยั่งยืนในระยะยาว


สำหรับภาคการลงทุนของไทยนั้น เราได้สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับประเด็น ESG ของทั้งหน่วยงานกำกับ ภาคเอกชน และผู้ลงทุน  เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง


ในส่วนของหน่วยงานกำกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เผยแพร่ Thailand Taxonomy หรือมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ระยะที่ 1 ออกมาเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เน้นใช้กับภาคพลังงานและขนส่ง ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสัดส่วนสูงก่อน และในอนาคตก็จะจัดทำ Taxonomy ที่ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจอื่นๆ มากขึ้น ด้วยความคาดหวังให้ทุกภาคส่วนนำไปใช้อ้างอิง เพื่อกำหนดนโยบาย เป้าหมายการปรับตัวได้ชัดเจนขึ้น ขณะที่ธนาคารก็จะสามารถจัดสรรเงินทุนให้ได้ตรงจุดขึ้น


ด้าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีการจัดทำ รายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ THSI แสดงรายชื่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงประเด็น ESG เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยในการจัดทำรายชื่อครั้งล่าสุด ปี 2566 นี้ ตลท. ได้เปลี่ยนชื่อเรียกจาก รายชื่อหุ้นยั่งยืน เป็น หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings เป็นปีแรก พร้อมยกระดับการประกาศผลประเมินในรูปแบบ Ratings ซึ่ง Ratings สูงสุด คือ AAA รองลงมา ได้แก่ AA, A และ BBB ตามลำดับ โดยมี 193 บริษัทที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับ SET ESG Ratings นอกจากนี้ ตลท. ยังนำผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ไปใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกสมาชิกในดัชนี SETESG เพื่อส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืน และใช้ในการคัดเลือกรางวัล SET Awards กลุ่ม Sustainability Excellence เพื่อเฟ้นหาบริษัทจดทะเบียนต้นแบบด้านความยั่งยืนด้วย ขณะที่ ภาคเอกชนในธุรกิจต่างๆ ทยอยประกาศจุดยืนการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงประเด็น ESG อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อมาดูที่ภาคธนาคาร ก็พบว่า ได้มีการประกาศเจตนารมณ์ด้าน ESG เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนเช่นกัน 

1120037774

ล่าสุด ก็มีข่าวดีจากภาครัฐ เมื่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้อนุมัติมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) รวมทั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ พร้อมๆ กับการส่งเสริมการลงทุนระยะยาว เพื่อสร้างเสถียรภาพให้ตลาดทุนไทย


ใจความสำคัญของมาตรการนี้ คือ ให้บุคคลธรรมดาที่ซื้อหน่วยลงทุน กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund หรือ Thai ESG) ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาทสำหรับปีภาษีนั้น ได้รับการยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ (สำหรับเงินได้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2575) และกำหนดให้ผู้มีเงินได้ไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุน Thai ESG คืน มารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีที่ถือหน่วยลงทุนนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน


SCB Wealth มองว่ามาตรการทางภาษีนี้จะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งเสริมให้ผู้ลงทุนเข้าไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มี ESG ซึ่งจะสร้างแรงกระเพื่อมต่อไปยังภาคธุรกิจที่ต้องการระดมทุนให้ต้องเร่งปรับใช้แนวคิด ESG ในกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อไม่ให้กลายเป็นบริษัทนอกสายตาของผู้ลงทุน ทั้งนี้ SCB WEALTH เองก็มีความพร้อมอย่างมากในการเป็นผู้สนับสนุนการขายกองทุน Thai ESG เพราะเรามองว่า นอกจากกองทุน Thai ESG จะทำให้นักลงทุนได้มีส่วนร่วมสร้างผลเชิงบวกต่อโลกแล้ว ยังมาพร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีด้วย


นอกจากความพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการขายกองทุน Thai ESG แล้ว ทีมงานของ SCB WEALTH ก็ยืนหยัดในการนำประเด็น ESG มาใช้พิจารณาคัดกรองผลิตภัณฑ์การลงทุนโดยรวม ก่อนนำเสนอเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุน อย่างไรก็ตาม แม้ผลิตภัณฑ์จะผ่านการคัดกรองมาแล้ว แต่เพื่อให้ผู้ลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นว่ากำลังลงทุนในหลักทรัพย์ที่คำนึงถึงประเด็น ESG อยู่ เราแนะนำให้ผู้ลงทุนติดตามและตรวจสอบข้อมูลการดำเนินการด้าน ESG ของบริษัทต่างๆ ที่ได้เข้าไปลงทุนเพิ่มเติมด้วยอีกทางหนึ่ง ทั้งจากรายงานประจำปี รายงานความยั่งยืน รวมถึงเว็บไซต์ของบริษัทที่ได้เผยแพร่นโยบาย แนวทางการบริหารจัดการ และผลการดำเนินงานด้าน ESG รวมถึงข้อมูล ESG Rating ที่หน่วยงานภายนอกดำเนินการประเมินและเผยแพร่ไว้


ทั้งนี้ ประเด็นการดำเนินงานด้าน ESG ที่สำคัญที่อยากให้ผู้ลงทุนติดตามกันอย่างใกล้ชิดก็คือ การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เพราะเป็นวาระเร่งด่วนที่ทั่วโลกให้ความสำคัญอยู่ และเป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการดำรงชีวิตของเราและคนรุ่นต่อไป ถือเป็นประเด็นความเสี่ยงที่สำคัญที่สามารถกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังผลตอบแทนการลงทุนได้ โดยระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 12 ธ.ค. 2566 นี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ ประจำปี 2566 หรือ COP28 ที่เอ็กซ์โปซิตี้ ดูไบ ซึ่งผมมองว่าความคืบหน้าที่จะเกิดขึ้นจากการประชุมครั้งนี้ อาจมีผลต่อเนื่องมายังโลกการลงทุนนับจากนี้ด้วย ส่วนการประชุมจะเป็นอย่างไรและมีผลต่อการลงทุนเช่นไรบ้าง ผมก็จะมาอัพเดตกับท่านในอนาคต


คำเตือน

§  การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน Thai ESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน (และอาจมีเงินเพิ่ม) รวมถึงควรลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตนและยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนได้
§  ที่มาข้อมูล Thai ESG ข่าวจากทำเนียบรัฐบาล https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/75035
§  เงินลงทุนในกองทุน Thai ESG นำไปลดหย่อนภาษีได้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2566 ทั้งนี้ เงื่อนไขสิทธิประโยชน์ทางภาษีต้องเป็นไปตามกฎหมายและประกาศที่กำหนดโดยกรมสรรพากร
§  สอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCB Call Center โทร. 02-777-7777


บทความโดย คุณศรชัย สุเนต์ตา, CFA SCB Wealth Chief Investment Officer ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Investment Office and Product Function กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)


จัดทำ ณ วันที่ 2 ธ.ค. 2566