3 สิ่งที่หน่วยงานรัฐและธนาคาร 'ตัวจริง' จะไม่มีวันขอจากคุณ!

ในยุคที่มิจฉาชีพสร้างสถานการณ์หลอกลวงได้แนบเนียนถึงขั้นปลอมเสียงหรือปลอมเบอร์โทรศัพท์ สิ่งเดียวที่จะช่วยให้ท่านรอดพ้นจากการสูญเสียเงินเก็บได้ คือ การรู้หลักการพื้นฐาน ว่า "อะไรคือสิ่งที่หน่วยงานจริงจะไม่มีวันทำเด็ดขาด"

บทความนี้สรุป 3 ข้อห้ามสำคัญ ที่ท่านต้องจำให้ขึ้นใจ หากมีการร้องขอ 3 สิ่งนี้จากปลายสายหรือข้อความใด ๆ ให้มั่นใจได้เลยว่านั่นคือมิจฉาชีพ 100% และให้วางสายทันที

รู้ไว้...ไม่เสียเงิน! 3 สิ่งที่ "ตัวจริง" จะไม่มีวันขอจากคุณ

1. จะไม่มีการขอ "รหัสลับ" (Password, PIN, OTP) ทุกชนิด

นี่คือข้อที่สำคัญที่สุดและเป็นกุญแจหลักในการล็อกประตูบัญชีของท่าน หน่วยงานที่ถูกกฎหมายไม่ว่าจะเป็นธนาคาร, ตำรวจ, หรือกรมสรรพากร ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องรู้รหัสเหล่านี้ เพราะพวกเขาเข้าถึงข้อมูลบัญชีของท่านได้ด้วยช่องทางภายในอยู่แล้ว


รหัสลับที่ห้ามให้เด็ดขาดรหัสนี้คืออะไร
รหัสผ่าน (Password)รหัสที่คุณใช้เข้าสู่ระบบธนาคารออนไลน์ หรือแอปพลิเคชัน
รหัส PIN (Personal Identification Number)รหัส 4-6 หลัก ที่ใช้กดเงินจากตู้ ATM หรือยืนยันตัวตน
รหัส OTP (One-Time Password)รหัส 6 ตัวที่ส่งมาทาง SMS เพื่อยืนยันการทำธุรกรรม (ถือเป็นรหัสที่อันตรายต่อเงินในบัญชีที่สุด)
รหัส CVV/CVCตัวเลข 3 หลัก ด้านหลังบัตรเดบิต/เครดิต

คำแนะนำ: ถ้ามีใครขอ รหัส OTP โดยเฉพาะ (อ้างว่าเพื่อยืนยันตัวตน, เพื่อตรวจสอบบัญชี, เพื่อรับเงินคืน) ให้วางสายทันที เพราะ OTP ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการตรวจสอบใด ๆ


2. จะไม่มีการขอให้ "โอนเงินมาตรวจสอบ" หรือ "โอนเงินเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์"

กลโกงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มักจะข่มขู่ว่าบัญชีของท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือคดีร้ายแรง แล้วหลอกให้โอนเงินที่ท่านมีอยู่ทั้งหมดไปยังบัญชีของคนอื่น ที่พวกเขามักเรียกว่า "บัญชีกลาง" หรือ "บัญชีตรวจสอบ"


สิ่งที่มิจฉาชีพจะพูดความจริงคือ
"ท่านต้องโอนเงินทั้งหมดไปบัญชีตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์"การตรวจสอบบัญชีใด ๆ ไม่จำเป็นต้องโอนเงินของท่านออกไป และไม่มีหน่วยงานใดที่มีอำนาจสั่งให้ประชาชนโอนเงินเพื่อจุดประสงค์นี้
"ท่านต้องโอนเงินค่าธรรมเนียม/ค่าภาษี มาก่อน ถึงจะได้รับเงินรางวัล"รางวัลหรือเงินคืนที่ถูกกฎหมายจะไม่มีการเรียกเก็บเงินล่วงหน้า หรือหากมีค่าใช้จ่าย จะใช้วิธีหักจากยอดเงินรางวัลนั้น ๆ หรือให้จ่ายหลังจากได้รับรางวัลแล้ว

คำแนะนำ: หากหน่วยงานรัฐหรือธนาคารสงสัยว่าบัญชีท่านมีปัญหา พวกเขาจะระงับบัญชี (Freeze) เพื่อรอการตรวจสอบ แต่ จะไม่สั่งให้ท่านโอนเงิน ไปให้ใคร


3. จะไม่มีการขอให้ "คลิกลิงก์" หรือ "ดาวน์โหลดแอปฯ แปลกปลอม" 

กลโกงที่อันตรายที่สุดคือการหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันอันตราย (มักมาพร้อมกับข้ออ้างในข้อ 2)


สิ่งที่มิจฉาชีพจะพูดความจริงคือ
"ท่านต้องติดตั้งแอปฯ DSI/ตำรวจ/สรรพากร เพื่อล็อกอินและตรวจสอบบัญชี"หน่วยงานรัฐส่วนใหญ่ไม่มีแอปฯ ที่ใช้ในการ "ตรวจสอบคดี" ผ่านมือถือ โดยเฉพาะแอปฯ ที่ไม่ได้มาจาก App Store หรือ Play Store โดยตรง
"ให้คลิกลิงก์ที่แนบมานี้ เพื่ออัปเดตระบบ/ข้อมูล"ลิงก์ที่แนบมามักจะนำไปสู่การติดตั้ง โปรแกรมควบคุมระยะไกล (Remote Access) ทำให้มิจฉาชีพสามารถมองเห็นและควบคุมหน้าจอมือถือของท่านได้อย่างสมบูรณ์ โดยที่ท่านไม่รู้ตัว

คำแนะนำ: การติดตั้งแอปพลิเคชันใด ๆ ต้องทำผ่าน App Store (สำหรับ iPhone) หรือ Play Store (สำหรับ Android) เท่านั้น หากถูกส่งเป็นลิงก์ไฟล์มาทาง SMS หรือ LINE ให้ปฏิเสธทันที


Checklist ด่วน! 2 สิ่งที่ท่านต้องทำเสมอเมื่อมีข้อสงสัย

เมื่อมีใครโทรมาแล้วเริ่มมีการพูดถึง "ปัญหาบัญชี" หรือ "คดี" ให้ท่านทำตาม 2 ขั้นตอนนี้ เพื่อปกป้องตัวเอง:

1. หยุดและตัดสายทันที

อย่าพูดคุยต่อ ไม่ว่าจะถูกข่มขู่หรือล่อลวงด้วยผลประโยชน์เพียงใด เพราะมิจฉาชีพจะใช้คำพูดที่เร่งรัดและกดดัน เมื่อรู้ว่าไม่ใช่สายที่ท่านคาดหวัง ให้วางสายทันที

2. ตรวจสอบด้วยเบอร์ทางการ

หลังจากวางสายแล้ว ให้ใช้โทรศัพท์เครื่องเดิม หรือเครื่องอื่น โทรศัพท์ไปยัง เบอร์โทรศัพท์ทางการที่ท่านหามาด้วยตัวเอง เท่านั้น เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

  • เรื่องธนาคาร: โทรเข้า Call Center ของธนาคาร ด้วยเบอร์ที่แสดงอยู่ด้านหลังบัตร ATM หรือเบอร์ที่ท่านบันทึกไว้
  • เรื่องคดี/หน่วยงานรัฐ: โทรไปที่เบอร์กลางของหน่วยงานนั้น (เช่น กรมสรรพากร, ตำรวจ) อย่าโทรกลับไปที่เบอร์ที่โทรมาหาท่าน

บทสรุป

เกราะป้องกันภัยที่แข็งแกร่งที่สุดคือ สติและความรู้ โปรดจำ 3 ข้อห้ามนี้ให้ขึ้นใจ และใช้ Checklist 2 ข้อนี้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ รหัสลับ, การโอนเงินตรวจสอบ, และการติดตั้งแอปฯ แปลกปลอม คือสัญญาณเตือนภัยสีแดง หากพบ ให้วางสายทันทีเพื่อรักษาเงินเก็บของท่านไว้

ที่มาของข้อมูล:

  • ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti-Online Scam Operation Center: AOC 1441)
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
  • กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)