การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
เปิดวิธีรับมือ หลังถูกมิจฉาชีพหลอก
ปัจจุบันมิจฉาชีพพยายามหลอกลวงเอาเงินด้วยวิธีที่แนบเนียน และมีเทคนิคหลากหลายขึ้น ส่งผลให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ดังนั้นการรู้วิธีรับมือมิจฉาชีพเบื้องต้นไว้ย่อมลดโอกาสสูญเสียทรัพย์สิน และเพิ่มโอกาสให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามจับผู้กระทำผิดได้
หนึ่งในวิธีหลอกเงินที่พบได้มากคือ การหลอกลวงผ่านทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเมื่อพลาดไปแล้ว ควรรีบแจ้งธนาคารเจ้าของบัญชีเพื่อรายงานตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดทำขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อให้สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการ เครือข่ายโทรศัพท์ / อินเทอร์เน็ต และผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง สามารถเปิดเผยและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็วผ่านระบบ / กระบวนการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้หน่วยงานรัฐ อาทิ ตำรวจ สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการจัดการอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ผู้เสียหายควรรวบรวมข้อมูล หลักฐาน และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ติดต่อสถาบันการเงินเพื่อระงับการโอนเงินดังกล่าว รวมถึงแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
สำหรับกรณีถูกหลอกให้ติดตั้งโปรแกรม Remote หรือติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม (ไฟล์ติดตั้งมักเป็นนามสกุล .apk) โดยใช้ความสามารถของ Accessibility Service ของระบบปฏิบัติการ Android ที่เมื่อแอปพลิเคชันใดๆ ได้รับอนุญาตให้ทำงานภายใต้ Accessibility Service แล้ว จะสามารถเข้าถึงและควบคุมการสั่งงานมือถือแทนผู้ใช้งานได้ ดังนั้นหากเหยื่อถูกหลอกด้วยวิธีนี้ ควรรีบปิดเครื่องทันที ด้วยวิธีกด Force Reset แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ให้ตัดการเชื่อมต่อของโทรศัพท์ด้วยการถอดซิมการ์ดหรือตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (เช่น ปิดเครื่องหรือเปิดโหมดการบิน) จากนั้นให้ติดต่อธนาคาร และดำเนินการแจ้งความทันทีหากเกิดความเสียหาย
อีกหนึ่งรูปแบบการหลอกลวงที่พบเห็นในไทยคือ หลอกลงทุนออนไลน์ หรือทำงานผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยมิจฉาชีพอาจประกาศรับสมัครงานพร้อมโฆษณาจูงใจ เช่น ให้ค่าคอมมิชชันสูง ทำงานได้จากบ้าน ใช้เพียงสมาร์ทโฟน ฯลฯ นอกจากนี้มิจฉาชีพยังอาจหลอกเหยื่อให้โอนเงินเข้าบัญชีเพื่อลงทุนเพิ่ม เป็นต้น
การหลอกให้ซื้อของ แต่ไม่ยอมส่งของให้ หรือส่งของไม่ตรงปก ก็เป็นรูปแบบที่พบการแจ้งความจำนวนมาก แม้ส่วนใหญ่จะมีความเสียหายต่ำก็ตาม โดยสามารถแจ้งธนาคารเจ้าของบัญชี เพื่อให้ออกเลขเคสไปแจ้งความดำเนินคดีได้
ส่วนการหลอกลวงเพื่อโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว หรือที่เรียกกันว่า ฟิชชิง (Phishing) เมื่อรู้ตัวว่าให้ข้อมูลกับมิจฉาชีพไปแล้ว ควรเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ทั้งหมด โดยหากมีการใช้ชื่อผู้ใช้ (User) หรือรหัสผ่าน (Password) เดียวกันในระบบอื่นๆ ก็ควรเปลี่ยนรหัสผ่าน (Password) ให้ครบทุกระบบ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
แต่ถ้าเป็นข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตให้ระงับบัตรชั่วคราวทาง Mobile Banking และแจ้ง Call Center ของธนาคาร เพื่อให้ตัดการผูกบัญชี (กรณีถูกผูกบัญชี) และออกบัตรใบใหม่ทดแทน
กรณีเกิดความเสียหายที่เป็นตัวเงิน ให้รวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความ โดยมีเทคนิคการแจ้งความดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ หากเป็นคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความทางออนไลน์ 24 ชั่วโมงผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ www.thaipoliceonline.com และ Call Center กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โทร. 1441
#แก้เกมกลโกง #FraudFighter #SCB #Thestandard