การต่อรองราคาบ้านมือสอง อย่างมีข้อมูลและกลยุทธ์ จะช่วยให้สามารถได้ราคาบ้านที่เหมาะสมตามราคาท้องตลาดและตรงกับตามสภาพบ้านที่แท้จริงได้  มาดูเทคนิควิธีต่อรองราคาแบบมืออาชีพ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีกลยุทธ์

1. เตรียม “ข้อมูล” ให้แน่น

• ราคาตลาด: รวบรวมราคาขายบ้านใกล้เคียงในละแวกเดียวกัน เพื่อหา “ช่วงราคาเหมาะสม”
• ตรวจสภาพบ้าน: ใช้ผลตรวจเป็น “หลักฐาน” สำหรับต่อรองในส่วนที่ต้องซ่อม เช่น หลังคา ระบบไฟ-น้ำ
• จังหวะและแรงจูงใจผู้ขาย: ผู้ขายที่ต้องการเงินด่วนยอมลดราคาได้มากกว่าปกติ ขณะที่ผู้ขายที่ไม่รีบ อาจเน้นเงื่อนไขอื่นแทน

วางแผน 3 ช่วงราคา:

• ราคาเป้าหมาย: ราคาที่ต้องการได้จริง
• ราคาสูงสุด:  ตั้งราคาเพดานที่ไม่ควรเกินกว่างบประมาณที่มี
• ราคาเสนอ: ตั้งให้ต่ำกว่าราคาเป้าหมาย แต่ไม่ควรต่ำจนเสียความน่าเชื่อถือ
  กลยุทธ์นี้ช่วยให้การเจรจา มีช่องว่าง  สามารถเดินเกมและคุมจังหวะได้

3. ต่อรองด้วย “รายการซ่อม” ที่ชัดเจน

แยกรายการซ่อมและประมาณการค่าใช้จ่าย พร้อมภาพประกอบ/ใบเสนอราคา จะช่วยให้ข้อเรียกร้องมี น้ำหนัก และลดการใช้ความรู้สึกในการต่อรอง ทำให้ผู้ขายรับฟังมากขึ้นเมื่อเห็นค่าใช้จ่ายที่อธิบายได้

4. ใช้เงื่อนไขแทนราคา

บางครั้งผู้ขายไม่ลดราคา แต่ เปิดเงื่อนไขอื่นๆ เช่น

• แถมเฟอร์นิเจอร์/เครื่องใช้ไฟฟ้า
• ช่วยออกค่าธรรมเนียมวันโอนบางส่วน
• ช่วยซ่อมแซมก่อนโอน
  การดีลที่ดีไม่จำเป็นต้องลดราคาเสมอไป แต่ควรเพิ่ม ความคุ้มค่า ได้อีกด้วย

5. เรียนรู้ “จังหวะเวลา”

• เข้าดูบ้าน หลายครั้ง เพื่อแสดงความสนใจจริง แต่ไม่รีบตัดสินใจ
• ช่วงปลายเดือน/ปลายไตรมาส ผู้ขาย/นายหน้าอาจต้องการปิดดีลเพื่อบรรลุเป้า
• หากมีบ้านตัวเลือกอื่น ให้สื่อสารอย่างนุ่มนวลว่า “กำลังพิจารณาหลายหลัง” เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง

6. สื่อสารอย่างมืออาชีพ

• ชัดเจน ตรงประเด็น และสุภาพ
• อธิบายด้วยข้อมูล ไม่ใช่อารมณ์
• บันทึกข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอ
  สื่อสารอย่างมืออาชีพทำให้ผู้ขาย รู้สึกมั่นใจ และยอมคุยอย่างเปิดใจ

7. เตรียมสินเชื่อให้พร้อม: Pre-approval

การมี Pre-approval จากธนาคารช่วยให้ผู้ขายเห็นว่า “คุณพร้อมปิดดีล” ลดความเสี่ยงดีลล่ม และเป็น แต้มต่อ ในการเจรจาราคา เพราะผู้ขายมั่นใจในความสามารถในการชำระเงินของคุณ

8. รู้ว่าเมื่อไหร่ควร “เดินออก”

หากราคาสูงเกินเพดาน หรือพบ ความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่า เช่น โครงสร้างใหญ่มีปัญหา เอกสารสิทธิไม่ชัดเจน อย่ากลัวที่จะ “เดินออก” เพราะต้นทุนค่าซ่อมหรือความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ อาจสูงกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ

ฉะนั้น การเจรจาต่อรองราคาเป็นการหาจุดลงตัวที่ ยุติธรรม ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ด้วยการหาข้อมูลที่ครบถ้วน สื่อสารอย่างมืออาชีพ และเตรียมความพร้อมด้านสินเชื่อเพื่อให้ผู้ขายเกิดความมั่นใจ เราก็จะได้บ้านมือสองในราคาที่สมเหตุสมผล และไม่เกิดความเสี่ยงจากการซื้อบ้านมือสอง ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบสภาพตัวบ้านก่อนตัดสินใจซื้ออีกด้วย

สนใจดูทรัพย์บ้านมือ 2 ของ SCB ดูรายละเอียดได้ที่นี่ :   https://asset.home.scb/home

หรือเข้าแอป SCB EASY เลือก EASY  STORE เลือกบ้านหรือสินทรัพย์ ก็สามารถค้นหาบ้านมือ 2 ได้ทันที