ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ไทยพาณิชย์ตอกย้ำพันธกิจอยู่ อย่าง ยั่งยืน เดินสายปรับพอร์ตโรงแรมสู่ Sustainable Hotel นำร่องเปลี่ยนผ่านโรงแรมภูเก็ต ยกระดับที่หมายท่องเที่ยวยั่งยืนระดับสากล
ไทยพาณิชย์เชื่อมั่นศักยภาพธุรกิจท่องเที่ยวไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมเป็นพันธมิตรความยั่งยืนสนับสนุนธุรกิจโรงแรมปรับตัวสู่ Sustainable Hotel นำร่องเตรียมความพร้อมโรงแรมในภูเก็ตปรับการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ผลักดันโรงแรมรับการรับรองมาตรฐานยั่งยืนทั้งระดับสากลและองค์กรไทย รวมถึงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน เพื่อผลักดันพอร์ตโรงแรมในภูเก็ตเป็นโรงแรมแห่งความยั่งยืน ตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Global Sustainable Tourism Conference ในปี 2569 และเป้าหมายยกระดับภูเก็ตสู่ศูนย์กลางท่องเที่ยวยั่งยืนภายในปี 2570 ชู “กะตะกรุ๊ป” และ “หยี่เต้ง ฮอสพิทาลิตี้” กรณีศึกษาผู้นำธุรกิจโรงแรมภูเก็ตที่เดินหน้าจริงจังด้านความยั่งยืน มุ่งเน้นอนุรักษ์พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างการเติบโตร่วมกันกับชุมชน พร้อมเป็นหัวหอกหลักของโรงแรมภาคใต้ในการสร้างรายได้ยั่งยืนด้านการท่องเที่ยวของไทย
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยในปี 2024 ภาคการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจกว่า 2.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 14% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) โดยภูเก็ตเป็นพื้นที่รายจังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดกว่า 4.9 แสนล้านบาท และแม้ในปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในภาพรวมจะมีแนวโน้มลดลงจากหลากหลายปัจจัย แต่ภูเก็ตยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวศักยภาพที่สามารถเติบโตได้ดี โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วกว่า 2.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 8%YoY สวนทางกับภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติของประเทศที่ลดลง -3%YoY อยู่ที่ 14.4 ล้านคน นอกจากนั้น ภูเก็ตยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลางได้มากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายสูงและพำนักในไทยนาน ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรม และธุรกิจด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ ธนาคารไทยพาณิชย์ให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีพอร์ตสินเชื่อสูงสุดในอุตสาหกรรมธนาคารไทยถึง 1.35 แสนล้านบาท ซึ่งในพื้นที่อันดามันคิดเป็น 25% ของพอร์ตสินเชื่อโรงแรมทั้งหมด และเฉพาะโรงแรมในภูเก็ต ธนาคารมีพอร์ตสินเชื่ออยู่ราว 2 หมื่นล้านบาท
นายกฤษณ์ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายด้านความยั่งยืน กลุ่มธุรกิจโรงแรมถือเป็นกลุ่มที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทางด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากภาพรวมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก 11% มาจากภาคการท่องเที่ยวซึ่งรวมถึงธุรกิจโรงแรม นอกจากนั้น กระแสการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นแนวทางหลักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก สะท้อนจากรายงานการเดินทางอย่างยั่งยืนประจำปี 2025 ของ Booking.com ซึ่งสำรวจนักท่องเที่ยวกว่า 32,000 คนจาก 32 ประเทศ พบว่านักท่องเที่ยวมากกว่าครึ่ง (53%) หันมาใส่ใจด้านความยั่งยืน ทั้งในเรื่องผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม การที่โรงแรมของไทยปรับตัวสู่แนวทางยั่งยืนไม่เพียงแต่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและพร้อมใช้จ่ายสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รายได้ของโรงแรมมีความผันผวนน้อยลง ลดผลกระทบจากนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่หายไป และเปลี่ยนผ่านจากการเน้น “ปริมาณ” ไปสู่ “คุณภาพ” สร้างความโดดเด่นและเอกลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทย ธนาคารจึงมีความตั้งใจที่จะร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ไปพร้อมกันกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการในภูเก็ตมีความตื่นตัวต่อการผลักดันความยั่งยืนในจังหวัดเป็นอย่างมาก เพราะเป็นจังหวัดนำร่องที่อยู่ในโครงการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายยกระดับสู่ศูนย์กลางท่องเที่ยวยั่งยืนภายในปี 2570 อีกทั้งการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพการประชุม Global Sustainable Tourism Conference ในปี 2569 ธุรกิจโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตจึงเร่งยกระดับการเปลี่ยนผ่านการธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อได้มาตรฐานความยั่งยืนในระดับสากล (Sustainable Label)
ธนาคารไทยพาณิชย์ มุ่งมั่นเป็นพันธมิตรตลอดเส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนภายใต้แนวคิด “อยู่ อย่าง ยั่งยืน” พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวไทย โดยมีแผนการดำเนินงาน 2 ส่วน ประกอบด้วย:
ไทยพาณิชย์มุ่งมั่นสนับสนุนลูกค้าด้วยบทบาทพันธมิตรทางธุรกิจที่ให้มากกว่าการสนับสนุนทางการเงิน แต่เรายังทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อเข้าใจในธุรกิจและความต้องการทางธุรกิจ พร้อมจับมือกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและให้ความรู้เพื่อการเปลี่ยนผ่านจนกระทั่งบรรลุผลสำเร็จ โดยมีลูกค้าที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจยาวนานกว่า 30 ปี อาทิ กะตะกรุ๊ป และ หยี่เต้ง ฮอสพิทาลิตี้ ซึ่งเป็นสองกลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำในจังหวัดภูเก็ต และได้ร่วมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่โรงแรมยั่งยืนกับทั้งสองกลุ่ม ด้วยแนวทางการเปลี่ยนผ่านกระบวนการตามหลักโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นต้นแบบและส่งต่อแรงบันดาลใจแก่ผู้ประกอบการโรงแรมที่พร้อมจะมุ่งสู่วิถีความยั่งยืน
นายประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหาร กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย และ บียอนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า กะตะกรุ๊ป มีโรงแรมในเครือทั้งสิ้น 9 โรงแรม ใน 4 จังหวัดภาคใต้ (ภูเก็ต พังงา กระบี่ และสมุย) มีห้องพักรวมกัน 2,200 ห้อง มากที่สุดในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งในฐานะที่อยู่ในธุรกิจโรงแรมมากว่า 4 ทศวรรษ ได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของนักท่องเที่ยวที่มองเรื่องความยั่งยืนเป็นอันดับต้นๆ ต่อการตัดสินใจท่องเที่ยว ทั้งการเลือกสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก และกิจกรรมต่างๆ ดังนั้น กะตะกรุ๊ป จึงทุ่มงบประมาณในการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการโรงแรมสู่การเป็นโรงแรมยั่งยืน รวมถึงการเตรียมดึงเชนโรงแรมระดับโลกที่มีมาตรฐานการบริหารงานโรงแรมยั่งยืนเข้ามาบริหารให้แก่กลุ่ม
ภายใต้ปรัชญาของบียอนด์ "ไม่เพียงแค่ที่พักดี แต่เรามุ่งมั่นสร้างโลกที่ดีกว่า" คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่เป็นมิตรต่อโลก และช่วยรักษาสมดุลของธรรมชาติอย่างยั่งยืน กะตะกรุ๊ปจะมุ่งมั่นลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และนำเทคโนโลยีและแนวปฏิบัติที่ช่วยประหยัดพลังงานมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมกับให้ความสำคัญในกรอบ ESG โดยเฉพาะเรื่อง Governance ซึ่งบรรจุเรื่องการจัดซื้ออย่างยั่งยืน มาเป็นกรอบการปฏิบัติของการบริหารงาน รวมถึงการมีส่วนร่วมกับชุมชนเพื่อส่งเสริมความเข้าใจด้านสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมให้ผู้เข้าพักมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมส่งเสริมและจัดฝึกอบรมให้พนักงานมีส่วนร่วมในโครงการและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนจากทุกโรงแรมในกลุ่มได้รับตราสัญลักษณ์ความยั่งยืนจากสากลและองค์กรในประเทศรวมมากที่สุด
นายสหรัฐ จิวะวิศิษฎ์นนท์ กรรมการบริหาร บริษัทในเครือ หยี่เต้ง ฮอสพิทาลิตี้ เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทบริหารโรงแรมสองแห่งในจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ โรงแรม โฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน ภูเก็ต ป่าตอง บีช รีสอร์ท และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คือ เชอราตัน ภูเก็ต ในหาน บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งออกแบบให้เป็นโรงแรมสีเขียวทั้งกระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยได้รับการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวจากธนาคารไทยพาณิชย์
หยี่เต้ง ฮอสพิทาลิตี้ ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจโรงแรมในแนวทางที่ยั่งยืน นับตั้งแต่เริ่มต้นขยายธุรกิจโรงแรมแห่งแรก บริษัทได้ร่วมมือกับ Marriott International เพื่อนำแบรนด์ระดับโลกเข้ามาบริหารจัดการ เชอราตัน ภูเก็ต ในหาน บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ให้เป็นโรงแรมที่ดำเนินงานบนแนวคิดด้านความยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมมอบประสบการณ์การเข้าพักที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระดับสากลแก่แขกจากทั่วโลก
“เราเห็นถึงกติกาโลกที่เปลี่ยนแปลงไปควบคู่กับแนวโน้มของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หยี่เต้ง ฮอสพิทาลิตี้ จึงมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนของเราให้เป็นไปตามเกณฑ์ระดับสากล ควบคู่กับการได้รับการรับรองด้านความยั่งยืนภายในประเทศ ทั้งนี้ โรงแรม โฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน ภูเก็ต ป่าตอง บีช รีสอร์ท ได้รับใบรับรอง Green Leaf Certificate เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในขณะที่โครงการ เชอราตัน ภูเก็ต ในหาน บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ ก็ได้รับการวางแผนและออกแบบอย่างรอบด้านเพื่อให้ผ่านการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียวระดับนานาชาติ หรือ EDGE Certification