จากความฝันสู่ความสำเร็จของแบรนด์เครื่องสำอางไทย “เจ้านาง”

เมื่อพูดถึง "แป้งเจ้านาง" แบรนด์เครื่องสำอางไทยที่หลายคนรู้จักและเชื่อมั่น มีจุดเริ่มต้นจากความฝันของนักศึกษาวัย 22 ปี ซึ่งมีทุนจำกัด แต่ตั้งใจสร้างแบรนด์ที่ตอบโจทย์ผู้หญิงไทย แบบที่เรียกได้ว่าลงทุนลงแรงหมดหน้าตัก แป้งเจ้านางไม่เพียงเป็นเครื่องสำอาง แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและการฝ่าฟันอุปสรรค บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงเส้นทางธุรกิจและหลักคิดของ คุณธัญญ์ฐิตา ทรัพยศิรินารากุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจ้านาง (ไทยแลนด์) จำกัด(คุณจัง) ที่ทำให้แบรนด์นี้เติบโตและมีอิทธิพลในตลาดได้อย่างยั่งยืน

จุดเริ่มต้นจากความฝันของเด็กนักศึกษาที่อยากสร้างแบรนด์ของตัวเอง

ทุกอย่างเริ่มต้นจากความฝันที่อยากมีแบรนด์ของตัวเอง ในขณะเป็นนักศึกษาอายุเพียง 22 ปี แต่มีใจรักในด้านความสวย ความงาม และมีแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม และยังมีผู้สนับสนุนที่ดีคือพาร์ทเนอร์ซึ่งเป็นผู้แนะนำการลงทุนและการขายออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางเดียวที่เลือกใช้ในช่วงแรกของการทำธุรกิจ แป้งเจ้านางเติบโตผ่านการขายออนไลน์ล้วน ๆ ตลอดระยะเวลา 10 ปี ปัจจุบันแบรนด์เจ้านางจัดจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงตลาดต่างประเทศอีกด้วย การเรียนรู้และความพยายามที่ไม่เคยหยุดพัก ความสำเร็จที่ได้มาไม่ใช่จากการเร่งรีบ แต่เป็นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปจากการเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ

การสร้างแบรนด์ด้วย Passion และความเชื่อมั่น

แป้งเจ้านางถือกำเนิดขึ้นจาก Passion อย่างแท้จริง โดยมีความมุ่งมั่นที่จะทำแบรนด์ และมี Mindset ที่ชัดเจนว่า "จะต้องสำเร็จ" รวมถึงความมั่นใจในสินค้าของตัวเองเป็นหัวใจสำคัญ โดยคุณจังเล่าว่า มีแต่ความมั่นใจว่าจะต้องเริ่มทำ แม้ในวัยเรียนมองว่าทำเป็นเพียงงานอดิเรก แต่มีภาพที่ชัดเจนอยู่ในหัวว่าอยากจะทำสินค้าแบรนด์ไทยที่สามารถตีตลาดต่างประเทศได้ ด้วยสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านคุณภาพและราคา “เพราะอยากให้ใคร ๆ ก็สวยได้” เจ้านางเป็นแบรนด์ที่กล้าแสดงออกถึงความเป็นไทย ทั้งในการตั้งชื่อแบรนด์ ด้วยตัวเขียนเป็นภาษาไทย และเลือกนางแบบสาวไทยที่งามแบบไทยเป็น Presenter จึงเป็นที่จดจำและเป็นจุดขายที่มีเสน่ห์โดดเด่นต่างจากแบรนด์อื่น ๆ 

อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่การตลาด แต่เป็นการต่อสู้ทางจิตใจ 

แน่นอนว่าเส้นทางการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายโดยเฉพาะด้านจิตใจ ด้วยเงินลงทุนที่มีอยู่นั้นจำกัด ทำให้ต้องคิดให้รอบคอบและทำการบ้านหนักมากในการหาข้อมูล ทำให้ทุกการลงทุนต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและระมัดระวัง ไม่ใช่แค่กล้าที่จะเริ่ม แต่ยังต้องรับผิดชอบทุกการตัดสินใจ ด้วยความกล้าหาญที่ไม่หวั่นเกรง ย้อนกลับไปสู่ช่วงเริ่มต้นยังขาดความชำนาญด้านการตลาด การวางแผน และการบริหารความเสี่ยง แต่ด้วยความเชื่อมั่นในแบรนด์และสินค้าที่สร้างขึ้นด้วยใจจึงเดินหน้าเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์นี้ทำให้เข้าใจการจัดการธุรกิจได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเชื่อมั่นว่า "ถ้าเรารักและศรัทธาในสิ่งที่เราทำ องค์กรนั้นจะแข็งแกร่งและเป็นที่พึ่งพาได้ทั้งต่อตนเองและสังคม"

สินค้าที่ตอบโจทย์ผิวคนไทยและสภาพอากาศเมืองร้อน

แป้งเจ้านางมีจุดเด่นที่เน้นการปกปิดเนียนเรียบ คุมมัน กันน้ำ และกันเหงื่อ ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย จึงไม่แปลกที่สาวไทยหลายคนเลือกใช้แป้งเจ้านางสำหรับการออกไปใช้ชีวิตประจำวันหรือแม้กระทั่งในเทศกาลสงกรานต์ อีกทั้งยังมีการวิจัยและพัฒนาสูตรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงใจลูกค้า และราคาเข้าถึงได้ โดยเฉพาะในตลาดเครื่องสำอางที่มีคู่แข่งมากมาย แต่ยังคงครองใจสาว ๆ ได้เสมอ และในอนาคตมีเป้าหมายที่จะทำให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคในระดับสากลด้วยระบบการจัดการหลังบ้านที่แข็งแกร่งพอที่จะรับการลงทุนจากผู้ถือหุ้นระดับมหาชน และอยากให้เป็น Counter Brand ที่มีชื่อเสียงในไทยและต่างประเทศ

การพัฒนาธุรกิจแบบยั่งยืน

ด้วยความมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ที่ใส่ใจในด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) มีแผนจัดทำโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (solar cell) และระบบบำบัดน้ำเสียในการผลิต อีกทั้งยังวางแผนที่จะใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายง่าย การดำเนินการเหล่านี้สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์ นอกจากนี้ในมิติทางด้านสังคม เล็งเห็นว่าการให้โอกาสผู้คนเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ จึงเกิดเป็น “มูลนิธิเจ้านางเพื่อสังคม” เช่นเดียวกับที่แบรนด์เจ้านางช่วยให้ผู้หญิงสวยได้อย่างมั่นใจ โดยให้การสนับสนุนด้านการศึกษา มอบทุนการศึกษาแก่เด็ก ๆ ที่เรียนดีและสนับสนุนโครงการที่ส่งเสริมอาชีพในชุมชน เพื่อส่งต่อความสุขและโอกาสให้กับคนในสังคม ซึ่งถือเป็นการแสดงถึง DNA ของแบรนด์ที่ต้องการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้อื่น

 

เส้นทางสู่ความสำเร็จที่ไม่ง่าย การเดินทางของ “เจ้านาง” สะท้อนให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากโชคชะตา แต่เกิดจากความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น และการทำงานหนัก ด้วยหลักคิดที่ว่า "ทำแบบไม่ระแวง แต่ระวัง" ด้วยความเชื่อมั่นในแบรนด์และสินค้าที่ตั้งใจทำด้วยใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รักของสาวไทยและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง




เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์

SME Game Changer: พลิกเกมธุรกิจ SME
21 พฤศจิกายน 67



แนะนำเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

  • SME Game Changer บทความอื่นๆ

    ESG & Digital Transformation: ก้าวสู่อนาคตกับ เอส เอ็น พี เปเปอร์

    เพิ่มเติม
  • SME Game Changer บทความอื่นๆ

    ธุรกิจแฟชั่นกับความท้าทายด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม

    เพิ่มเติม
  • อยากให้ธุรกิจคุณไปได้ไกลกว่าเดิมไหม

    เราพร้อมนำเสนอโซลูชัน
    ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ