Unlock Lean Process : ปลดล็อกพลังงานอย่างชาญฉลาด ด้วย Lean Tools

ดร.ธนกร ตันธนวัฒน์ , ทีมระบบไซเบอร์-กายภาพ (CPS) NECTEC สวทช.

จากการวิเคราะห์ของ SCB พบว่า อุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานถึงร้อยละ 15 หรืออาจมากกว่านั้น ทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง

การลดต้นทุนด้านพลังงาน เป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน รวมไปถึงธุรกิจ SME ที่ต้องมีการบริหารทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ เรียกว่าเป็นแนวคิด ‘Lean’ ที่เริ่มต้นมาจากการลดต้นทุนในกระบวนการผลิต แล้วขยายออกสู่ภาคส่วนอื่นๆ เป็นวงกว้าง

แนวคิด Lean (Lean Thinking) ถูกนิยามไว้ว่าเป็น ‘วิธีการคิดและลงมือทำเพื่อสร้างคุณค่า โดยใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ให้น้อยที่สุด’

โดยหนึ่งใน Lean Tools ที่สำคัญและเป็นที่ใช้งานในสากลคือ House of Lean ซึ่งต้องมีพื้นฐานด้านการจัดการ การควบคุมมาตรฐานในกระบวนการ การใช้เครื่องมือที่มีความน่าเชื่อถือ รวมถึง 2 เสาหลักสำคัญของแนวคิด คือ

Just-In-Time การผลิตเท่าที่จำเป็น จำนวนการผลิตและเวลาที่เหมาะสม 

Jidoka - การผลิตที่มีคุณภาพที่ดี ไม่ว่าจะมาจากฝีมือคนหรือเครื่องจักร


การสร้าง House of Lean มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำไปสู่ 3 เป้าหมายสำคัญ คือ

Best Quality - คุณภาพสินค้าหรือบริการที่ดีที่สุด

Lowest Cost -  การใช้ต้นทุนการผลิตที่ต่ำที่สุด

Shortest lead time - การใช้ระยะเวลาให้น้อยที่สุด


นอกจากนี้ยังมี Lean Tools อื่น ๆ สำหรับใช้ในการลดต้นทุนด้านพลังงานที่สำคัญ เช่น

Conduct Energy Kaizen Events - การทำกิจกรรม kaizen ระยะสั้น 3-5 วัน ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ออกแบบแนวทาง และทดลองวิธีการลดการใช้พลังงานด้วยต้นทุนต่ำที่มีประสิทธิภาพ

Replace Over-Sized and Inefficient Equipment with Right-Sized Equipment - การปรับปรุงโครงสร้างของอุปกรณ์ในกระบวนการผลิต หรือเพิ่มเทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่ช่วยประหยัดพลังงานได้มากถึง 50-80% 

Design Plant Layout to Improve Flow and Reduce Energy Use - ออกแบบผังโรงงานและระบบการลำเลียง พัฒนาระบบท่อขนาดใหญ่ เพื่อลดการใช้พลังงานจากมอเตอร์หรือเครื่องจักรลงในระยะยาว

Use Total Productive Maintenance (TPM) to Reduce Equipment Energy Waste - การบำรุงรักษาแบบทวีผล เป็นแนวคิดที่ให้ทุกคนมีส่วนรวมในการบำรุงรักษาเครื่องจักร เพื่มประสิทธิภาพในการผลิตที่มากขึ้น และลดการใช้หรือสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์


Energy + Lean = Long-Term Advantage 

Competitive advantage - ใช้ต้นทุนน้อยกว่า สร้างความได้เปรียบทางธุรกิจเหนือคู่แข่ง

Sustainability Brand Image - ส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรในด้านการสร้างความยั่งยืน

Compliance-ready (ISO 50001, ESG reporting) - ลดการใช้พลังงานตามมาตรฐานสากล 

Smart Energy Management วิเคราะห์การสูญเสียพลังงาน ความสูญเปล่าที่ไม่ควรปล่อยผ่าน

ดร.อัมพร โพธิ์ใย , นักวิจัยอาวุโส NECTEC สวทช.

Smart Energy Management คือ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ เพื่อติดตาม ควบคุม และปรับปรุงการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด มีการเก็บและใช้งานข้อมูลแบบ Real-Time วิเคราะห์ด้วย AI และ Machine Learning เพื่อลดการสูญเสียพลังงาน และเชื่อมโยงกับระบบธุรกิจและการผลิต

เนื่องจากในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมและธุรกิจ อาจมีการสูญเสียพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นลักษณะของ ‘วงจรพลังงานสูญเปล่า’ ที่พบได้บ่อย เช่น


Heat Loss - ความร้อนรั่วไหลจากระบบท่อ หม้อ ไอน้ำ และอุปกรณ์ที่ขาดฉนวน

Leak - การรั่วไหลของลมอัด ไอน้ำ และของเหลวในระบบท่อ

Idle Load - เครื่องจักรที่เปิดการทำงานทิ้งไว้โดยไม่ได้ทำงาน แต่ยังกินไฟ

Over Capacity - อุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น ทำงานที่ประสิทธิภาพต่ำ  


ดังนั้น ภาคอุตสาหกรรม จึงควรมี ‘การวิเคราะห์การสูญเสียพลังงาน’ โดยใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ช่วยในการตรวจวัดและวิเคราะห์การสูญเสียพลังงาน ซึ่งนอกจากมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนพลังงานแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้าน ESG และรองรับมาตรฐานในระดับสากล ผ่านการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ได้แก่

Digital Metering System - ระบบมิเตอร์ดิจิทัล ที่มีการติดตามการใช้พลังงานแบบ Real-Time สามารถแยกการใช้พลังงานตามแผนกหรือเครื่องจักร วิเคราะห์รูปแบบการใช้พลังงาน ตั้งค่าแจ้งเตือนเมื่อมีการใช้พลังงานที่ผิดปกติ และรายงานอัตโนมัติเพื่อการวิเคราะห์ผล  

IoT Sensor & Real-time Monitoring - การตรวจวัดอุณหภูมิ ความดัน การสั่นสะเทือน อัตราการไหลของเหลวและก๊าซ เพื่อตรวจจับการรั่วไหลและปัญหาที่ทำให้การสูญเสียพลังงานเพิ่มขึ้น

Power Quality Analyzer - เครื่องวิเคราะห์คุณภาพไฟฟ้า ที่ช่วยตรวจจับ Harmonic Distortion ที่ทำให้อุปกรณ์ร้อนและสูญเสียพลังงาน ตรวจจับ Power Factor ต่ำ ที่ทำให้เสียค่าไฟเพิ่ม ตรวจจับ Voltage Unbalance ที่ทำให้มอเตอร์ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ และตรวจจับ Vottage Sag/Swell ที่ทำให้อุปกรณ์เสียหาย

Thermal Imaging - กล้องถ่ายภาพความร้อน ช่วยในการตรวจจับการรั่วไหลของความร้อนจากท่อและอุปกรณ์ ตรวจสอบฉนวนที่เสื่อมสภาพ ระบุจุดร้อนผิดปกติในระบบไฟฟ้า และตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน

SCADA + AI + Cloud Platform - การเชื่อมโยงระบบควบคุมและเก็บข้อมูลจากเครื่องจักรและเซ็นเซอร์ต่าง ๆ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาแนวโน้ม ความผิดปกติ และโอกาสในการปรับปรุง รวมถึงจัดเก็บข้อมูล ประมวลผล และแสดงผลแบบ Real-Time ผ่านแดชบอร์ดที่เข้าถึงได้จากทุกที่


นอกจากการใช้เครื่องมือตรวจวัดและวิเคราะห์การสูญเสียพลังงานแล้ว ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมควรมีแนวทางจัดการความสูญเสียด้วยระบบอัจฉริยะ

Smart Energy Dashboard - การติดตั้งระบบแดชบอร์ดพลังงานอัจฉริยะ ที่ทำให้มองเห็นการใช้พลังงานแบบ Real-Time เปรียบเทียบการใช้พลังงานกับเป้าหมาย แยกการใช้พลังงานตามแผนก / กระบวนการ วิเคราะห์แนวโน้มและรูปแบบการใช้พลังงาน รวมถึงสร้าง Report สำหรับผู้บริหารได้

การตั้ง Alert และ Threshold - การตั้งค่าการแจ้งเตือนตามเวลา เมื่อมีการใช้พลังงานนอกเวลาทำงาน การแจ้งเตือนตามปริมาณเมื่อมีการใช้พลังงานสูงหรือต่ำกว่าค่าปกติที่กำหนดไว้ การตั้งค่าเตือนตามรูปแบบเมื่อมีรูปแบบการใช้พลังงานผิดปกติ เช่น การใช้พลังงานที่ไม่สัมพันธ์กับการผลิต  

AI Energy Optimization - ระบบ AI ที่วิเคราะห์รูปแบบการใช้พลังงาน ตรวจจับความผิดปกติ แนะนำและปรับปรุงการทำงานของระบบแบบอัตโนมัติเพื่อให้ใช้พลังงานน้อยที่สุด 

Predictive Maintenance - การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เพื่อลด Downtime โดยวิเคราะห์แนวโน้มและติดตามการเปลี่ยนแปลงของพารามิเตอร์ต่าง ๆ การบำรุงรักษาตามสภาพ และลดการใช้พลังงานสูญเปล่าจากอุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพ

Demand Respone และ Peak Shaving - การจัดการความต้องการใช้ไฟฟ้า ผ่านวิธีลดการใช้ไฟฟ้าในช่วง Peak Demand เพื่อลดค่า Demand Charge ย้ายการใช้ไฟฟ้าไปในช่วง Off-Peak ใช้ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) เพื่อลด Peak ตลอดจนการเข้าร่วมโครงการ Demand Respone กับการไฟฟ้าที่จะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ 10-20% โดยไม่กระทบกระบวนการผลิต

Priority Load - การจัดลำดับเพื่อการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่โหลดที่ต้องทำงานตลอดเวลา ไม่สามารถหยุดได้ ไปจนถึงโหลดที่สามารถย้ายไปทำงานในช่วงเวลาอื่นได้ เพื่อลดการใช้พลังงานลง 


โดยการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือเหล่านี้ ภาคธุรกิจสามารถประยุกต์ใช้กับขั้นตอนการเริ่มต้น Smart Energy Management ได้แก่

Energy Audit - ตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงาน เพื่อระบุแหล่งสูญเสียและโอกาสในการปรับปรุง

ติดตั้งระบบตรวจวัด - ติดตั้งมิเตอร์และเซ็นเซอร์เพื่อเก็บข้อมูลการใช้พลังงานแบบ Real-Time

วิเคราะห์และวางแผน - วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุมาตรการประหยัดพลังงานที่มีความคุ้มค่าสูงสุด

ดำเนินการปรับปรุง - ดำเนินการตามมาตรการที่วางแผนไว้ โดยเริ่มจากมาตรการที่มี ROI สูงก่อน

ติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง - ติดตามผลการดำเนินงานและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด


 

Case Sharing : Power Up with Lean : ตัวช่วยที่เปลี่ยนพลังงาน ให้เป็นกำไร

ดร.กุลชาติ มีทรัพย์หลาก นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ NECTEC สวทช.

NECTEC เป็นหน่วยงานที่ช่วยยกระดับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่ต้องการลดต้นทุนการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตและกระบวนการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและ Productivity รวมถึงตอบโจทย์เทรนด์โลกในด้านความยั่งยืน หรือ Sustainability ผ่านการใช้เทคโนโลยีภายใต้แนวคิด Lean ที่มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเหมาะสมกับธุรกิจนั้น ๆ 

ที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาโปรเจคต่อเนื่องที่เรียกว่า Industrial IoT Data Analytic Platform (IDA) ที่พัฒนา Basic Toolboxs ที่ช่วยเหลือให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม สามารถบริหารการจัดการเครื่องมือในการลดการใช้พลังงาน โดยมีการบูรณาการข้อมูลหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้สามารถใช้งานร่วมกันได้บนแพลตฟอร์มเดียวกัน

รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ที่สามารถประมวลผลจากการวัดค่าและเก็บข้อมูลจากเครื่องจักรหรือระบบต่าง ๆ 

ด้วย IoT (Internet of Things) เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน และนำข้อมูลที่ได้ไปใช้งานต่อในการพัฒนาต่อยอดให้ธุรกิจในอนาคต

โดยในช่วงที่ผ่านมา NECTEC ได้เห็นธุรกิจที่ต้องการต่อยอดแนวทางการลดการใช้พลังงาน แต่เกิดความกังวลว่า ระบบใหม่ที่เข้ามาอาจกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ธุรกิจจึงต้องมีการสร้าง Mindset ให้พนักงานว่า การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อีกประการหนึ่งคือการเตรียมกำลังคนในการเรียนรู้และพัฒนาระบบ ซึ่งที่ผ่านมาอาจเป็นลักษณะที่เจ้าของหรือ CEO มีการสั่งงานแบบ Top-Down ทำให้พนักงานรู้สึกอึดอัดหรือถูกบังคับให้เข้าร่วมกระบวนการ แต่หากปรับเปลี่ยนให้พนักงานได้เป็นผู้พัฒนาด้วยตนเอง รวมกันเป็นทีม kaizen ที่เรียนรู้และแก้ปัญหา ก็จะช่วยเสริมสร้างความเป็น Teamwork ให้องค์กรได้ 

ดังนั้นหากภาคธุรกิจต้องการนำแนวคิด Lean ไปใช้ในการต่อยอด ก็สามารถเริ่มได้จากการใช้วิธีง่าย ๆ เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานขององค์กร หรือการ Brainstorm ไอเดียจากคนในองค์กร สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มคิดและทำตั้งแต่วันนี้ เพราะจากการเริ่มต้นเล็ก ๆ อาจนำไปสู่การต่อยอดวิธีการลดการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพในอนาคตได้อีกมากมาย
 

คุณอัจฉรา ปู่มี Founder and CEO บริษัท แพค คอร์เปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

ในบทบาทของการเป็นผู้ประกอบการ พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับแนวคิด Lean เนื่องจากมีปัจจัยสำคัญ คือ แรงกดดันจากค่าใช้จ่ายด้านพลังงงานที่สูงขึ้น การลดต้นทุนด้านพลังงานจึงช่วยให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่าย และมองเห็นผลกำไรได้ทันที 

รวมถึงการตื่นตัวทางด้านกฎหมาย หรือ ESG ที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาลงทุนหรือทำธุรกิจ ที่บริษัทต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ในด้านความยั่งยืน และการส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรควบคู่กัน

Solution การสำรวจจุดที่ทำให้ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมมีการสูญเสียพลังงานหรือทรัพยากรที่สำคัญในการผลิตในส่วนต่าง ๆ และแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยี Heating-Cooling ที่ลดการสูญเสียพลังงาน ลดค่าใช้จ่ายสำหรับกระบวนการผลิตลงได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน ธุรกิจประเภทโรงแรม โรงพยาบาล เป็นต้น

การออกแบบระบบ Energy Management ที่ช่วยพัฒนากระบวนการควบคุมการใช้พลังงานในธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถแสดงผลเป็น ESG Report ที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ความยั่งยืนให้ธุรกิจ และตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 

โดยอุปสรรคของการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่นี้ อาจแบ่งได้ 2 ด้าน คือ ธุรกิจอาจคุ้นชินกับระบบการทำงานหรือ Operation แบบเดิม และมีความกังวลว่าระบบใหม่อาจเข้ามาแทนที่พนักงานในอนาคต ส่วนอีกด้านคือการมองว่าเป็นการเพิ่มภาระที่จะต้องมีการเก็บข้อมูลเพิ่ม หรือทำให้มีงานที่ใช้ระยะเวลามากขึ้น 

รวมถึงในด้านการลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าว ที่มีบางส่วนมองว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยคืนทุนให้ธุรกิจได้อย่างไร อาจขาดความมั่นใจหรือขาดเงินทุน ดังนั้นธุรกิจจึงต้องมีการใช้ Data-Driven ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นหลัก เพราะจะทำให้ทุกฝ่ายมองเห็นภาพ และสร้างความแตกต่างไปจากแนวทางเดิมได้จริง พิสูจน์แนวคิดด้วยข้อมูลที่เชื่อถือได้

ซึ่งกระบวนการทั้งหมดสามารถแบ่งทำได้ออกเป็น Phase ไม่จำเป็นต้องทำให้จบภายในครั้งเดียว อาจทดลองทำเป็น Trial-Process เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เห็นตัวอย่างการใช้งาน และยอมรับเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยพัฒนาประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้มากขึ้น และเปิดโอกาสให้พนักงานได้ไม่ส่วนร่วมในการคิดและต่อยอดไอเดีย เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพองค์กรอย่างยั่งยืน

ดังนั้นก่อนนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้งาน จึงควรมีการศึกษาและทำความเข้าใจระบบให้เชี่ยวชาญและหากต้องมีการลงทุน ก็ควรสำรวจหน่วยงานที่มีการใช้พลังงานมากที่สุดก่อน เพื่อให้เทคโนโลยีสามารถแก้ไขปัญหาและสร้าง Impact ให้ธุรกิจได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีการสื่อสารภายในองค์กรที่ดี เพื่อให้แนวคิด Lean สามารถเข้าถึงคนทุกระดับ และทำให้องค์กรเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว 


ดร.ธีรินทร์ สุรางค์ศรีรัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายโรงงาน บริษัท ฉั่วฮะเส็ง ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด

จุดเริ่มต้นมาจากการที่บริษัทได้รับการติดต่อจากหน่วยงานรัฐ ที่เสนอโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้กับองค์กรและพนักงาน และเชิญชวนให้บริษัทเข้าร่วมโครงการ ซึ่งแรกเริ่มเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต การลดทรัพยากรสูญเสีย จนกระทั่งได้เรียนรู้แนวคิด Lean Model ก็ทำให้บริษัทเปิดใจที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐมากขึ้น

ฉั่วฮะเส็งได้มีพัฒนาประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานผ่านแนวคิด Lean คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลในกระบวนการผลิตที่ใช้ต้นทุนต่ำ ผ่านการตรวจสอบการใช้พลังงานทั้งในช่วงก่อนและหลังกระบวนการผลิต เพื่อสำรวจว่ามีจุดสูญเสียพลังงานหรือไม่ หากพบก็สามารถซ่อมแซมและแก้ไขได้ทันที

ขั้นตอนถัดมาเป็นการทดแทนการสูญเสียพลังงาน เช่น การเปลี่ยนอุปกรณ์ส่องสว่างในโรงงาน จากหลอดแก้วเป็นหลอด LED ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า รวมถึงการใช้พลังงานทดแทน เช่น แผงโซลาร์เซลล์ ที่ปัจจุบันมีต้นทุนที่ถูกลง โดยที่เป็นผลดีต่อธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะนอกจากประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านความยั่งยืนให้ธุรกิจได้

แม้การปรับแผนธุรกิจโดยใช้แนวคิด Lean อาจต้องเจอแรงต้านจากทั้งนักลงทุนในธุรกิจรวมถึงพนักงาน ผู้ประกอบการเองจำเป็นต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ มี Mindset เดียวกัน และสร้าง Culture ที่ทำให้องค์กรสามารถเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการพัฒนาวิธีการที่ดีขึ้น

สุดท้ายนี้ การเริ่มต้นแนวคิด Lean จึงควรเริ่มต้นทำในสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ก่อน เพราะสามารถทำได้ง่ายและทำได้ทันที โดย Lean สามารถเกิดขึ้นได้ทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็น Data หรือภายในแผนก ซึ่งการที่เราสามารถ Lean จากจุดเล็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้เรามองเห็น Culture หรือ Pattern ที่จะใช้สื่อสารแนวทางในองค์กรต่อไปได้

และในฐานะของเจ้าของธุรกิจ อาจมองเห็นการพัฒนาแนวคิด Lean ในภาพกว้าง แต่สามารถแบ่งรายละเอียดย่อย ๆ  เพื่อวิเคราะห์ Data และมองหาจุดที่ลงทุนน้อย แต่ได้ Impact กลับมามากขึ้น ที่สำคัญต้องทำให้พนักงานมั่นใจว่า ระบบนี้ไม่ได้เข้ามาแทนที่พนักงาน แต่เป็นการช่วยให้พนักงานสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานในด้านอื่น ๆ ได้ ช่วยให้องค์กรเติบโตไปสู่เป้าหมายที่คาดหวังได้


  • อยากให้ธุรกิจคุณไปได้ไกลกว่าเดิมไหม

    เราพร้อมนำเสนอโซลูชัน
    ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ