นายแพททริก ปูเลีย Head of Financial Markets Function ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยช่วงที่ผ่านมาค่าเงินบาทอ่อนค่าลงค่อนข้างมาก สถานการณ์ดังกล่าว ผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้าและส่งออก ควรให้ความสำคัญกับการ “ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน” (Hedging) เพื่อล็อกราคา ลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่อาจประสบภาวะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน โดยปัจจุบันพบว่าเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้าของธนาคารสัดส่วน 30% ทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นลูกค้าของธนาคาร พบว่ามีสัดส่วนกว่า 70% ทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
โดยแนะว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่งออกและนำเข้า กลุ่มที่ได้ตกลงซื้อขายสินค้าไปแล้ว และเห็นว่ามีกำไร (Margin) เพียงพอ ควรทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไว้ในสัดส่วน 100% เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องรอราคา ส่วนกลุ่มที่ขายสินค้าแล้วแต่อัตราแลกเปลี่ยนยังไม่ครอบคลุมกำไรที่ต้องการ แนะว่าควรทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน สัดส่วน 50-70% เพื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน ขณะที่กลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มที่รู้ว่าจะขายสินค้าได้ แต่ไม่รู้ว่าจะขายได้เมื่อไหร่ แนะว่าเมื่อผู้ประกอบการประเมินแล้วว่าจะขายสินค้าได้ ก็ควรจะทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไว้ในสัดส่วนอย่างน้อย 50% เพื่อรอดูสถานการณ์ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าว่าราคาขายสินค้าควรเป็นเท่าไหร่
นายแพททริก ปูเลีย Head of Financial Markets Function ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยช่วงที่ผ่านมาค่าเงินบาทอ่อนค่าลงค่อนข้างมาก สถานการณ์ดังกล่าว ผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้าและส่งออก ควรให้ความสำคัญกับการ “ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน” (Hedging) เพื่อล็อกราคา ลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่อาจประสบภาวะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน โดยปัจจุบันพบว่าเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้าของธนาคารสัดส่วน 30% ทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นลูกค้าของธนาคาร พบว่ามีสัดส่วนกว่า 70% ทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
โดยแนะว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่งออกและนำเข้า กลุ่มที่ได้ตกลงซื้อขายสินค้าไปแล้ว และเห็นว่ามีกำไร (Margin) เพียงพอ ควรทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไว้ในสัดส่วน 100% เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องรอราคา ส่วนกลุ่มที่ขายสินค้าแล้วแต่อัตราแลกเปลี่ยนยังไม่ครอบคลุมกำไรที่ต้องการ แนะว่าควรทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน สัดส่วน 50-70% เพื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน ขณะที่กลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มที่รู้ว่าจะขายสินค้าได้ แต่ไม่รู้ว่าจะขายได้เมื่อไหร่ แนะว่าเมื่อผู้ประกอบการประเมินแล้วว่าจะขายสินค้าได้ ก็ควรจะทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไว้ในสัดส่วนอย่างน้อย 50% เพื่อรอดูสถานการณ์ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าว่าราคาขายสินค้าควรเป็นเท่าไหร่