ใช้เงินกู้คุ้ม บริหารหนี้ฉลาด เพิ่มโอกาสธุรกิจ

ยุคนี้เป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ยิ่งสำหรับธุรกิจเล็กๆ หนี้อาจเป็นเรื่องจำเป็นเสียด้วยซ้ำ เช่น ในช่วงเริ่มต้นกิจการซึ่งหลายๆ คนมีไอเดียธุรกิจที่ดี แต่มีเงินทุนไม่เพียงพอ หรือในบางจังหวะที่ธุรกิจจำเป็นต้องใช้เงินทุนเพื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งการขยายกิจการ  แต่ในทางกลับกันหากบริหารจัดการหนี้ไม่เป็น หนี้ก็อาจกลายเป็นความเสี่ยงต่อธุรกิจได้ บทความนี้เรามีข้อแนะนำ ที่จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กได้ประโยชน์สูงสุดจากการกู้เงิน

อ่าน เข้าใจ จดจำ เงื่อนไขการกู้

ก่อนตกลงเซ็นสัญญากู้เงินทุกครั้งต้องอ่านและเข้าใจเงื่อนไขให้ชัดเจน เงื่อนไขบางข้ออาจเป็นประโยชน์กับผู้กู้ เช่นทำให้สามารถชำระหนี้ให้หมดได้เร็วขึ้น ในขณะที่บางข้อก็อาจสร้างความหงุดหงิดใจได้เช่นกัน นอกจากอ่านและเข้าใจก่อนเซ็นสัญญาแล้ว ระหว่างทางก็ต้องจดจำเงื่อนไขสำคัญๆ ให้ขึ้นใจเพื่อจะได้ไม่พลาดทำผิดสัญญา ในทางตรงข้ามเงื่อนไขบางข้อที่เป็นประโยชน์ก็จะได้สามารถหยิบขึ้นมาใช้ได้ในเวลาที่เหมาะสม



โปะหนี้บางส่วนได้หรือไม่

สัญญาที่เปิดโอกาสให้โปะหนี้บางส่วนได้จะทำให้ลดภาระหนี้ ภาระดอกเบี้ยได้มาก แต่บางกรณีผู้ให้กู้บางรายอาจมีการคิดค่าปรับในการชำระเงินก่อนเวลาที่กำหนด ซึ่งทำให้การโปะหนี้ไม่มีประโยชน์เท่าที่ควร

ค่าปรับในกรณีชำระหนี้ล่าช้าเป็นอย่างไร?

สำหรับการทำธุรกิจเป็นไปได้เสมอที่รายรับอาจไม่คงที่ บางธุรกิจอาจแปรผันไปตามฤดูกาลหรือช่วงเวลา บางครั้งมีผลทำให้ต้องชำระหนี้ล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าปรับที่ต้องเสียแล้วยังอาจคุ้มกว่าการจ่ายตรงเวลา หากค่าปรับสูงเกินไปแต่มีเหตุจำเป็นต้องชำระหนี้ล่าช้าจริงๆ ก็จะเป็นอันตรายต่อธุรกิจเช่นกัน ดังนั้นการศึกษาเงื่อนไขและวางแผนไว้ล่วงหน้าเป็นเรื่องจำย่อมเป็น 

วางแผนอย่างละเอียด

อย่างแรกที่ต้องรู้คือแต่ละเดือนเรามีรายรับเท่าไหร่และต้องชำระหนี้เดือนละเท่าไหร่ รายได้จริงหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ภาษี ค่าจ้าง และอื่นๆ เหลือเท่าไหร่ ถ้ากระแสเงินสดหรือรายรับคงที่ รวมทั้งมีรายจ่ายที่แน่นอนคือคาดเดาได้อยู่แล้วทุกๆ เดือน การชำระหนี้ก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้ารายได้ไม่แน่นอน รวมทั้งไม่รู้ยอดการใช้จ่ายในแต่ละเดือน อาจมีปัญหาในการชำระหนี้ได้หรือแม้กระทั่งมีหนี้เพิ่มขึ้นๆ จนจ่ายไม่ไหว ดังนั้นการวางแผนการใช้จ่ายและจดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดปัญหาการไม่สามารถชำระหนี้ได้ตรงเวลา และยิ่งกว่านั้นการวางแผนที่ดียังอาจช่วยให้เราปิดหนี้ได้เร็วขึ้นด้วย

ข้อแนะนำในการลดหนี้

  • ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นจนกระทั่งหนี้ลดลงเหลือในจำนวนที่กำหนด

  • จัดสรรเงินรายได้ส่วนหนึ่งหรือรายได้เฉพาะจากแหล่งใดแห่งหนึ่งเพื่อโปะหนี้เพิ่มเป็นประจำ

  • วางเป้าหมายไว้ว่าถ้ามีเงินเก็บถึงระดับหนึ่งจะโปะหนี้เป็นก้อนอีกเท่าไหร่

แยกบัญชีเงินที่มาจากการกู้

แยกเงินกู้ออกจากบัญชีในการทำธุรกิจปกติและโอนเงินระหว่างกันเมื่อจำเป็นเท่านั้น ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้เกิดความรอบคอบในการใช้จ่ายเงินมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้นำเงินจากการกู้ไปใช้จ่ายในเรื่องประจำวันทั่วไป แทนที่จะใช้ในการลงทุนที่ใหญ่กว่าเพื่อการขยายธุรกิจ

อย่าใช้สินเชื่อไปในวัตถุประสงค์เดียว

เมื่อได้เงินกู้มาต้องมีวินัย ต้องวางแผนและใช้เงินกู้นั้นตามแผนและเป้าหมายทางธุรกิจที่วางไว้

ปกติแล้วเมื่อกู้เงินมาควรใช้ในสิ่งต่อไปนี้

 

  • สินค้าคงคลัง ใช้เพื่อเพิ่มสินค้าใหม่เข้ามา
     
  • เครื่องมืออุปกรณ์ เงินที่ได้มาสามารถนำมาลุงทุนก้อนใหญ่ในเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือยานพาหนะเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
     
  • การทำการตลาด เพื่อเพิ่มความสามารถในการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิม
     
  • พัฒนาช่องทางการขายออนไลน์


  • ใช้จ้างพนักงานใหม่หรือพัฒนาพนักงาน

ชำระหนี้ผ่านระบบหักเงินอัตโนมัติ

วิธีนี้จะช่วยทำให้ชำระหนี้ได้ตรงเวลา โดยไม่ต้องกลัวลืม และนอกจากเรื่องความสะดวกและป้องกันการหลงลืมแล้ว การหักบัญชีอัตโนมัติมีผลในแง่จิตวิทยาด้วย เพราะจะลดความรู้สึกเสียดาย รู้สึกว่าเงินออกจากกระเป๋า และการที่เห็นรายการในบัญชีที่ถูกหักเป็นประจำทุกเดือน จะช่วยให้การจัดทำบัญชีรับจ่ายเงินง่ายขึ้นด้วย

รวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว

หาสถาบันการเงินที่ให้ข้อเสนอที่ดีเพื่อรวมหนี้หลายๆ ก้อนให้เป็นก้อนเดียวลดอัตราดอกเบี้ยและลดค่างวดรายเดือน นอกจากนี้การมีหนี้หลายก้อนทำให้การจัดการยุ่งยากขึ้น การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวทำให้การบริหารหนี้ง่ายกว่าและปิดบัญชีได้เร็วขึ้น

การขอแก้ไขเงื่อนไขสัญญา

ถ้าสุดท้ายพบว่าตัวเองมีปัญหาในการชำระหนี้ให้ตรงเวลาบ่อยครั้ง อาจจะต้องลองเจรจาเพื่อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขบางอย่าง เพราะจริงๆ แล้วค่าใช้จ่ายในการติดตามหนี้เป็นค่าที่ใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงสำหรับผู้ให้กู้  ดังนั้นการเจรจา หาข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายรับได้ เช่น แสดงให้เห็นถึงสาเหตุที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามที่กำหนดได้จริงๆ ผู้ให้กู้อาจจะพิจารณายืดระยะเวลาการผ่อนชำระ ลดดอกเบี้ย ค่างวด เพื่อให้จำนวนเงินที่ต้องชำระรายเดือนลดลง เพราะสุดท้ายสำหรับผู้ให้กู้เองกรณีนี้ยังดีกว่าที่หนี้ก้อนนี้จะกลายเป็นหนี้เสียทั้งก้อน


หากกรณีนี้เกิดขึ้น สิ่งที่ต้องเตรียมคือเหตุผลและเอกสารต่างๆ ที่สามารถอธิบายว่า
 

  1. อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด เช่น สถานกาณ์การเงินของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง

  2. อธิบายความพยายาม แผนการที่จะดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา เช่น แผนการลดค่าใช้จ่าย แผนการเพิ่มรายได้ การปรับปรุงธุรกิจ แผนการชำระหนี้


สรุปแล้วการใช้เงินกู้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจคือ โฟกัสในสิ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตหรือการขยายธุรกิจ และในสิ่งที่จะนำไปสู่ Return on Investment (ROI) จากเงินที่กู้มา วางแผนการใช้เงินและชำระหนี้อย่างรอบคอบ ต้องทำตามแผนอย่างเคร่งครัด ถ้าทำได้ทั้งหมดก็จะทำให้หนี้ก้อนนั้นเกิดประโยชน์สูงสุดและไม่กลับมาเป็นปัญหาให้ปวดหัวภายหลัง